ความพึงพอใจของพนักงาน (Employee Satisfaction) สำคัญต่อองค์กรขนาดไหน

ความพึงพอใจของพนักงาน (Employee Satisfaction) สำคัญต่อองค์กรขนาดไหน

ทรัพยากรมนุษย์ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จและองค์กรบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ในยุคนี้องค์กรจึงหันมาใส่ใจทรัพยากรมนุษย์เป็นอย่างมาก เพื่อรักษาพนักงานของตนไว้ รวมถึงลดอัตราการลาออกให้น้อยที่สุดด้วย หนึ่งในสิ่งที่องค์กรต้องคำนึงถึงไม่แพ้เรื่องอื่นๆ ก็คือ “ความพึงพอใจของพนักงาน (Employee Satisfaction)” ซึ่งนั่นเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งที่จะทำให้พนักงานสามารถทำงานอยู่ร่วมกับองค์กรได้อย่างมีความสุข และอยู่ในระยะยาว ยิ่งไปกว่านั้นหากบุคลากรขององค์กรมีความพึงพอใจต่อองค์กรมากเท่าไร โอกาสที่พวกเขาเหล่านั้นจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็สูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งมันจะส่งผลต่อการบรรลุความสำเร็จขององค์กรที่จะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้สูงและรวดเร็วได้เช่นกัน

ความพึงพอใจของพนักงาน (Employee Satisfaction) คืออะไร?

การนิยามความพึงพอใจในกรณีนี้นั้นจะขอนิยมความหมายเบื้องต้นของความพึงพอใจและความหมายในเชิงชี้เฉพาะเจาะจงสำหรับการปฎิบัติงาน ซึ่งนิยามได้ดังนี้

  • ความพึงพอใจ (Satisfaction) ก็คือ ความรู้สึกของบุคลากรที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตการทำงานตลอดจนองค์กรที่สังกัด ความพึงพอใจจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นสามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างดีและสมบูรณ์ที่สุด แล้วความพึงพอใจยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามค่านิยมตลอดจนประสบการณ์ของแต่ละคน รวมถึงระดับความพึงพอใจของแต่ละคนก็จะมีมาตรฐานที่ไม่เหมือนกันอีกด้วย

  • ความพึงพอใจในการปฎิบัติงาน (Working Satisfaction) ก็คือ ความรู้สึกในทิศทางที่ดี ตลอดจนทัศนคติในเชิงบวกที่มีต่องานที่ปฎิบัติอยู่ โดยบุคลากรได้รับการตอบสนองที่ดีจากองค์กร ซึ่งจะทำให้เกิดขวัญและกำลังใจในการทำงาน รวมถึงมีความสุขในการทำงาน ที่จะส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้ และยังส่งผลให้องค์กรประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่วางไว้เป็นอย่างดีด้วย

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความพึงพอใจของพนักงาน

มีปัจจัยมากมายที่สามารถสร้างความพึงพอใจในการทำงานให้กับบุคลากรได้ ขณะเดียวกันปัจจัยเหล่านี้ก็กลับเป็นตัวแปรสำคัญที่จะสร้างความไม่พอใจในการทำงาน จนเป็นเหตุให้ทำงานในองค์กรได้อย่างไม่ราบรื่นและไม่มีความสุข ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเหตุผลที่ทำให้พนักงานตัดสินใจลาออก หรือย้ายองค์กรได้เช่นกัน เราลองมาดูปัจจัยเหล่านี้กันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

1. คน

คนคือทรัพยากรที่สำคัญขององค์กร คนมีส่วนช่วยทำให้การทำงานประสบความสำเร็จได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ในขณะเดียวกันคนนี่แหละที่สร้างปัญหาให้กับองค์กรได้มากที่สุด การที่องค์กรมีบุคลากรที่ดีมาร่วมงานย่อมทำให้องค์กรเต็มไปด้วยคนที่มีคุณภาพและมีศักยภาพ ซึ่งจะส่งเสริมให้ทุกคนเกิดความสุขในการทำงานได้ และช่วยสร้างความพึงพอใจในการทำงานทั้งในระดับบุคคลและระดับองค์รวมได้เป็นอย่างดีทีเดียว

2. งาน

หากเราได้ทำงานที่เรารัก หรือถนัด เรามีโอกาสที่จะมีความสุขในการทำงานได้มากกว่าทำงานที่เราไม่ชอบ หรือไม่ถนัด การได้ทำงานที่อยากทำแล้วมีความสุขนั้นจะส่งผลให้เกิดความพึงพอใจที่มีประสิทธิภาพที่สุด เพราะเมื่อมีความสุขในการทำงานแล้วก็จะส่งผลถึงความพึงพอใจในสิ่งอื่นๆ ได้ง่าย ไปจนถึงความพึงพอใจในองค์กรเลยทีเดียว

3. โอกาสความก้าวหน้า

ในโลกที่พัฒนาก้าวหน้าทุกวัน หลากหลายองค์กรมีแผนการพัฒนาองค์กรและบุคลากรอย่างจริงจัง องค์กรที่ไม่มีการพัฒนาองค์กรที่ดี หรือไม่มีโอกาสความก้าวหน้าให้พนักงานเห็น ไม่ส่งเสริมให้พนักงานก้าวหน้าหรือพัฒนา ก็ย่อมมีผลทำให้พนักงานเกิดความไม่พึงพอใจต่องานที่ทำ และไม่พึงพอใจต่อองค์กรได้ เพราะมนุษย์ล้วนแล้วแต่ต้องการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ดังนั้นบุคลากรก็จะไปหาที่ที่ตนเองได้พัฒนาก้าวหน้ากว่า ก็จะเกิดการย้ายงาน ย้ายองค์กรได้

4. อัตราจ้างและสวัสดิการ

เรื่องเงินตลอดจนอัตราจ้างและสวัสดิการเป็นสิ่งสำคัญและละเอียดอ่อนมาก องค์กรที่มีการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่ดีจะมีการใส่ใจเรื่องนี้อย่างละเอียดรอบคอบและจริงจัง การจ้างงานในอัตราที่เหมาะสมกับภาระหน้าที่ ตลอดจนการให้สวัสดิการที่คุ้มค่า มีส่วนเป็นอย่างมากที่จะทำให้พนักงานพึงพอใจในงานที่ทำและองค์กรที่ตนทำงานอยู่ ซึ่งส่งผลให้เกิดการทำงานในระยะยาว และความจงรักภักดีต่อองค์กรได้เช่นกัน แล้วนี่ก็เป็นปัจจัยลำดับต้นๆ ที่มีผลต่อความพึงพอใจของพนักงานมากที่สุดอีกด้วย

5. สภาพแวดล้อมในการทำงาน

การมีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีนั้นจะช่วยให้บุคลากรเกิดความพึงพอใจในการทำงานได้ง่าย และสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีจะส่งผลให้ทำงานได้อย่างมีความสุข การทำงานมีประสิทธิภาพขึ้นได้ และเกิดความพึงพอใจในการทำงานและองค์กรในที่สุด สภาพแวดล้อมในการทำงานนั้นแบ่งได้สองมิติใหญ่ๆ ดังนี้

  • สภาพแวดล้อมด้านสถานที่และสิ่งของ : หมายถึงออฟฟิศ สถานที่ทำงานที่สะดวกสบาย เอื้อประโยชน์ต่อการทำงาน เป็นสถานที่ทำงานที่ไม่ปลอดโปร่ง ปลอดภัย มีสุขภาวะ ไม่ทำให้สุขภาพแย่ ตลอดจนทำให้การทำงานมีความรู้สึกอึดอัด สภาพแวดล้อมนี้ยังหมายถึงการตกแต่งออฟฟิศ เฟอร์นิเจอร์ ตลอดจนองค์ประกอบอื่นๆ เช่น โซนพักผ่อนหย่อนใจ, สวนที่ทำให้สดชื่น, ระยะห่างระหว่างโต๊ะทำงานที่ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นส่วนตัว เป็นต้น ซึ่งทุกอย่างล้วนสร้างความพึงพอใจในการทำงานได้เช่นกัน

  • สภาพแวดล้อมด้านบุคคล : หมายถึงเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า ไปจนถึงระดับผู้บริหาร การมีคนที่มีคุณภาพ ทำงานเก่งมีประสิทธิภาพ ช่วยเหลือเกื้อกูล ร่วมทุกข์ร่วมสุข ก็ย่อมจะทำให้เกิดสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีได้ สร้างความพึงพอใจในการทำงานได้ดีเยี่ยม

6. การบริหารงานบุคคล

ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ที่มีหน้าที่ในการบริหารงานบุคคลนั้นมีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะสร้างความพึงพอใจ หรือสร้างความไม่พอใจให้กับพนักงานได้ง่าย การบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยเสริมสร้างความพึงพอใจได้ดี ตั้งแต่เรื่องอัตราจ้าง, สวัสดิการ, โปรแกรมการพัฒนาบุคลากร, ไปจนถึงสารทุกข์สุขดิบต่างๆ หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจสร้างความประทับใจได้ง่าย หรือหากละเลยก็อาจสร้างความรู้สึกแย่ๆ ลดความพึงพอใจได้ง่ายเช่นกัน

7. สถานการณ์ของธุรกิจและองค์กรในขณะนั้น

บางครั้งปัจจัยของความไม่พึงพอใจในการทำงานและองค์กรก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บริษัทหรือธุรกิจในขณะนั้น อย่างกรณีบริษัทที่เกิดข่าวหรือภาพลักษณ์ในเชิงลบ ถูกกระแสสังคมโจมตี ก็อาจทำให้พนักงานลดความพึงพอใจในบริษัทลงได้ หรือกรณีที่ผลประกอบการย่ำแย่ ขาดทุนอย่างหนัก ไม่ได้รับการขึ้นเงินเดือน ก็อาจทำให้พนักงานไม่พึงพอใจได้ หรือสถานการณ์ที่บริษัทเป็นรองคู่แข่ง ก็อาจทำให้พนักงานรู้สึกไม่พึงพอใจองค์กร อยากย้ายงาน หรือแม้กระทั่งการพัฒนาให้องค์กรก้าวหน้าเร็วเกินไปเพื่อให้ทันกับโลกและคู่แข่งจนไม่ดูความพร้อมของภายในองค์กร ก็อาจทำให้พนักงานรู้สึกตามไม่ทัน เครียด กดดัน ไม่พอใจองค์กร ตลอดจนรู้สึกว่าตนเองไม่เหมาะสมกับองค์กรที่ปรับเปลี่ยน ทำให้อยากลาออก ย้ายงาน ได้เช่นกัน

เราจะวัดความพึงพอใจของพนักงานได้อย่างไร

ปัจจุบันองค์กรหลายองค์กรมีการวัดความพึงพอใจของพนักงานอยู่เสมอ เพื่อที่จะตรวจดู Feedback ของพนักงานอยู่ตลอดเวลา โดยการวัดความพึงพอใจของพนักงานสามารถทำในรูปแบบแบบสอบถามหรือแบบประเมินได้ ทั้งยังสามารถทำในระบบเอกสารไปจนถึงระบบออนไลน์ได้เช่นกัน โดยสามารถทำได้ตามกระบวนการดังนี้

การตั้งประเด็นสำรวจความพึงพอใจเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนั่นคือข้อมูลที่อยากรู้ตามวัตถุประสงค์การทำการสำรวจนั่นเอง องค์กรควรตั้งประเด็นในการสำรวจให้ครอบคลุมรอบด้าน เพื่อที่จะตรวจดู Feedback ในหลากหลายมิติ และเข้าใจปัญหาขององค์กรได้หลายหลายมิติเช่นกัน ประเด็นต่างๆ ที่ควรทำการสำรวจมีดังนี้

1. ตั้งประเด็นในการสำรวจความพึงพอใจ

  • ประเด็นของการทำงานตามหน้าที่ (Jobs & Responsible) : สำรวจความพึงพอใจในงานที่พนักงานทำว่าถนัดหรือมีความชอบหรือไม่ มีปัญหาในการทำงานหรือไม่ ตลอดจนอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงานส่งผลดีต่อการทำงานหรือไม่ เป็นต้น

  • ประเด็นของเพื่อนร่วมงานตลอดจนหัวหน้างาน (Colleague & Supervisor) : สำรวจความพึงพอใจของการทำงานร่วมกัน การทำงานเป็นทีม การบริหารงานบุคคลของหัวหน้างาน การบริหารจัดการระบบงาน ไปจนถึงปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน เป็นต้น

  • ประเด็นของระบบการทำงาน (Working system & Work flow) : สำรวจความพึงพอใจในระบบการทำงานทั้งส่วนย่อยและองค์รวมว่ามีความราบรื่นหรือติดขัดอะไรหรือไม่ ควรปรับปรุงอะไรหรือไม่ ตลอดจนมีระบบการทำงานเป็นทีมที่ดี สอดคล้อง และช่วยเหลือกเกื้อกูลกันหรือไม่

  • ประเด็นของระบบบริหารการทำงาน (Organization Management) : สำรวจความพึงพอใจของการบริหารการทำงานขององค์กรว่ามีประสิทธิภาพ มีระบบ ระเบียบ ที่ดีหรือไม่ หรือควรปรับปรุงแก้ไขอะไร ตลอดจนประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับการบริหารงานขององค์กร

  • ประเด็นของระบบริหารงานบุคคล (Human Resource Management) : สำรวจความพึงพอใจของการทำงานของฝ่าย HR การดูแลเอาใจใส่พนักงาน การช่วยแก้ปัญหาให้กับบุคลากรในด้านต่างๆ อัตราเงินเดือน สวัสดิการของพนักงาน ไปจนถึงเรื่องสันทนาการต่างๆ ที่องค์กรจัดบริการกับบุคลากร เป็นต้น

  • ประเด็นของการพัฒนาบุคลากร (Human Resource Development) : สำรวจความพึงพอใจในการพัฒนาบุคลากรในองค์กร แผนการพัฒนาทักษะ-วิชาชีพ การพัฒนาองค์ความรู้ การเสริมความรู้ในด้านอื่นๆ ตลอดจนความก้าวหน้าในการทำงานภายในองค์กร เป็นต้น

  • ประเด็นอื่นๆ และประเด็นที่มีความสำคัญ (Other Issue & Important Subject) : สำรวจความพึงพอใจในประเด็นที่อาจสุ่มเสี่ยงต่อการสร้างความไม่พึงพอใจให้กับพนักงาน หรือประเด็นสำคัญ ณ ขณะนั้น อย่างเช่น การย้ายที่ตั้งออฟฟิศ, การปรับโครงสร้างองค์กร เป็นต้น

2. จัดทำแบบสำรวจความพึงพอใจ

จัดทำแบบสำรวจความพึงพอใจขึ้นให้มีความเหมาะสม ถูกต้อง ครบถ้วน และสามารถวัดความพึงพอใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยองค์กรควรเลือกแบบสำรวจความพึงพอใจให้เหมาะกับองค์กรของตน หรือลักษณะที่ต้องการวัดผลให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งแบบสำรวจที่นิยมมีลักษณะดังนี้

การสำรวจความพึงพอใจแบบระบุระดับความพึงพอใจ

บบสำรวจนี้มักจะแบ่งระดับความพึงพอใจเป็น 5 ระดับ โดยมีค่ากลางเป็นมาตรฐานชี้วัด วัดระดับที่สูงขึ้นและต่ำลงมาอีกสองระดับ เพื่อประเมินระดับความพึงพอใจได้อย่างละเอียดชัดเจนขึ้น และแต่ละระดับจะมีดีกรีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากวัดจากสิ่งที่แย่ที่สุดไปยังสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งทั้ง 5 ระดับก็ได้แก่ … ไม่พอใจมาก > ไม่พอใจ > เฉยๆ > พอใจ > พอใจมาก

การสำรวจความพึงพอใจแบบให้คะแนนความพึงพอใจ

แบบสำรวจนี้จะเป็นการให้คะแนนความพึงพอใจ โดยมากจะเป็นคะแนน 5 ระดับ และ 10 ระดับ ให้ผู้ที่ถูกสำรวจชั่งน้ำหนักเพื่อให้คะแนนความพึงพอใจในเรื่องนั้นๆ ว่าควรได้รับคะแนนที่ระดับเท่าใด โดยความหมายของระดับคะแนนนั้น ฝั่งคะแนนน้อยที่สุดมักจะหมายถึง ความไม่พึงพอใจมากที่สุด และฝั่งคะแนนมากที่สุดมักจะหมายถึง ความพึงพอใจมาก

การสำรวจความพึงพอใจแบบคำถามปลายเปิดและช่องว่างให้เขียนข้อเสนอแนะ

แบบสำรวจนี้จะเป็นการสำรวจความพึงพอใจแบบปลายเปิด คือให้ผู้ถูกสำรวจระบุเอง เสนอแนะได้อย่างอิสระ และให้รายละเอียดที่ชัดเจน ตรงประเด็นขึ้น

  • คำถาม

ข้อเสนอแนะ

______________________________________________________________________

______________________________________________________________________

______________________________________________________________________

อย่างไรก็ดีการทำแบบสำรวจความพึงพอใจในแต่ละครั้งนั้นอาจเลือกเอาแบบใดแบบหนึ่ง หรือใช้ผสมร่วมกันตามความเหมาะสมได้ โดยเฉพาะการสำรวจแบบคำถามปลายเปิดที่ให้เขียนข้อเสนอแนะนั้นมักจะนำไว้ตอนท้ายเพื่อเก็บตกเรื่องราวหรือประเด็นต่างๆ ตามแต่ละบุคคลเสมอ

3.เลือกวิธีการทำแบบสำรวจให้เหมาะสม

ขั้นต่อมาก็คือการเลือกวิธีทำการสำรวจให้เหมาะสม ซึ่งในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ะละองค์กร โดยวิธีการสำรวจที่นิยมนั้นมี 2 วิธีใหญ่ๆ ดังนี้

  • การสำรวจแบบเอกสาร (Paper Survey) : การสำรวจวิธีดั้งเดิมนี้ยังคงเป็นที่นิยมอยู่ เพราะการสำรวจผ่านระบบออนไลน์ต้องใช้พนักงานที่มีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต และการสำรวจแบบนี้อาจมีข้อดีที่ผู้สำรวจจะมีสมาธิในการทำแบบสำรวจมากกว่าระบบออนไลน์ได้อีกด้วย

  • การสำรวจผ่านระบบออนไลน์ (Online Survey) : ปัจจุบันการสำรวจออนไลน์ได้รับความนิยมมาก เพราะประหยัดเวลา ประหยัดงบประมาณ สะดวกสบาย และจัดการง่าย อีกทั้งยังประมวลผลได้ง่าย โดยการทำแบบสำรวจออนไลน์ในปัจจุบันมีโปรแกรมสำเร็จรูปตลอดจนแหล่งจัดทำที่ให้บริการมากมาย ไม่เสียค่าใช้จ่าย และทำได้ไม่ยากเลย แต่สำหรับองค์กรที่มีฝ่าย IT ก็อาจจะมีการสร้างแบบสอบถามขึ้นในระบบของตัวเอง ก็จะเป็นการดีที่สามารถออกแบบให้เหมาะสมได้ดีที่สุด

4. ประเมินผลแบบสำรวจและสรุปผล

ขั้นตอนสุดท้ายเป็นสิ่งสำคัญมาก หลังจากทำแบบสำรวจเสร็จเรียบร้อยแล้วก็คือขั้นตอนของการประมวลผลข้อมูล และสรุปผลให้มีประสิทธิภาพที่สุด หากผู้ประมวลผลขาดความรู้ในการประมวลผลข้อมูลที่ดี สรุปผลที่นำไปใช้ประโยชน์ได้ดี ก็อาจทำให้การสำรวจมาทั้งหมดสูญเปล่าได้ ดังนั้นควรเลือกคนที่มีความเข้าใจ และมีศักยภาพในการสรุปผล ตลอดจนสามารถแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมได้ มาทำตรงจุดนี้ และสิ่งสุดท้ายที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด ก็คือการนำผลประเมินไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ทั้งในส่วนของฝ่ายต่างๆ และองค์กรเองก็ตาม รวมถึงแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องที่พบให้เร็วที่สุดด้วย นั่นจึงจะเป็นการสำรวจความพึงพอใจที่มีประสิทธิภาพที่สุด และสร้างความพึงพอใจให้บุคลากรอย่างแท้จริง

บทสรุป

องค์กรควรรักษาระดับความพึงพอใจของบุคลากรไว้ให้อยู่ในระดับที่ดีและมีทัศนคติในเชิงบวกเสมอ ตลอดจนควรส่งเสริมให้บุคลากรในองค์กรเกิดความพึงพอใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน การสร้างความพึงพอใจให้กับบุคลากรนั้นเกิดขึ้นได้ในหลากหลายมิติ ดังนั้นองค์กรที่มีการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่ดีย่อมสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับพนักงานได้เป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน เมื่อพนักงานเกิดความพึงพอใจในงานที่ทำ ก็จะเกิดความตั้งใจ ทุ่มเทในงาน และเกิดความสุขในการทำงาน ที่ส่งผลให้เกิดความพึงพอใจในองค์กรได้ แล้วความพึงพอใจนี่ล่ะที่เป็นเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้เป็นพลังผลักดันให้องค์กรประสบความสำเร็จได้อย่างไร้ขีดจำกัด

ความพึงพอใจในการทำงานตลอดจนความพึงพอใจในองค์กรนั้นช่วยให้บุคลากรอย่างร่วมงานกับองค์กรในระยะยาว ลดอัตราการออกจากงานได้ ทำให้บริษัททำงานได้ราบรื่น สม่ำเสมอ ต่อเนื่อง และทำให้การทำงานสัมฤทธิ์ผลได้สูง ความพึงพอใจในการทำงานนี้ยังมีประโยชน์อีกมากมายที่องค์กรควรใส่ใจ รวมถึงสำรวจความพึงพอใจของพนักงานอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อดูแนวโน้มของ Feedback ของพนักงานที่มีต่อองค์ว่าดีหรือแย่ง บวกหรือลบ ทั้งนี้ก็เพื่อการรักษาความพึงพอใจให้คงอยู่ ตลอดจนหาวิธีสร้างความพึงพอใจให้เพิ่มขึ้น ตลอดจนหาวิธีทางแก้ไขปัญหา อุดรอยรั่วได้ทัน กรณีที่เกิดวิกฤตที่จะลดระดับความพึงพอใจของพนักงาน

สามารถอ่าน บทความเกี่ยวกับHR และ บทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี้

ที่มา : th.hrnote.asia

 8598
ผู้เข้าชม
ทำเว็บธุรกิจ ทําเว็บขายของ ออกแบบเว็บไซต์ เว็บไซต์สำเร็จรูป SoGoodWeb

HR Articles

 Internet of Things จะเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ของการทำงาน HR ให้กลายเป็น Digital HR บูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับการบริหารจัดการคนให้เกิดประสิทธิภาพ และตอบโจทย์วิถีชีวิตคนทำงานยุคปัจจุบัน
1198 ผู้เข้าชม
จะถามคำถามอย่างไรให้รู้ว่าผู้สมัครงานมีแรงจูงใจในการทำงานมากแค่ไหน เพราะขณะสัมภาษณ์งานผู้สมัครทุกคนย่อมต้องแสดงออกถึงความกระตือรือร้นอยากได้งานทั้งนั้น ลองเจาะประเด็นตามคำแนะนำ ต่อไปนี้อาจช่วยคุณได้
2406 ผู้เข้าชม
เวลาเราให้คนออกจากงานไปนั้นมักเป็นการง่ายที่โทษว่า “ก็เป็นความผิดของพนักงานคนนั้นเอง” ทั้งนี้เป็นเพราะมาตรการการ เลิกจ้างนั้นเป็นมาตรการที่ควรใช้เมื่อพนักงาน “มีอาการ” ที่สมควร ที่จะต้องให้ออกจากงานไปจริง ๆ เช่น ไม่มีวินัยในการทำงาน ชอบสร้าง ปัญหาต่าง ๆ นานาให้กับหน่วยงาน สร้างความแตกแยกในหมู่ เพื่อนร่วมงาน เฉื่อยหรือหย่อนสมรรถภาพในการทำงานจนเป็นตัวถ่วง ผลการปฏิบัติงานขององค์กรที่ไม่อาจปล่อยไว้ได้ เป็นต้น
1949 ผู้เข้าชม
แก้ปัญหาลาออกให้เจอ ทำไมลูกน้องลาออกบ่อย เคยส่งไหมครับว่าทำไมพนักงานที่เข้ามาใหม่ ไม่ค่อยจะมีใครอยู่ได้ถึง สามปี สี่ปี พอครบปีก็พากันลาออกหมด บางคนนี่ยังไม่ถึงปีด้วยซ้ำเลย…. พยายามจะแก้ปัญหาก็เเล้ว เเต่ก็ดูเหมือนยังไม่ถูกจุด
2308 ผู้เข้าชม
Get started for free today. DEMO FREE 60 DAYS
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์