ต้องยอมรับว่าทันทีที่โลกก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 ทุกสิ่งทุกอย่างก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายและรวดเร็ว นั่นรวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางอาชีพ และการปฎิวัติทางการทำงานที่ทุกฝ่ายต้องปรับตัวกันขนานใหญ่ตั้งแต่ตัวองค์กรเองไปจนถึงพนักงานทุกระดับ ปฎิเสธไม่ได้ว่าตัวแปรสำคัญก็คือการเข้ามามีบทบาทของโทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เหล่านวัตกรรมทั้งหลายต่างก็เป็นประโยชน์และมีศักยภาพอย่างมากในการทำงานต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และนั่นเองที่ทำให้มันเริ่มเข้ามาทดแทนงานหลายอย่างของมนุษย์ ตลอดจนบุคลากรแต่ละฝ่ายในองค์กรใดก็ตามต่างก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีให้ทัน ใช้งานให้เป็น นำเทคโนโลยีมาเสริมประโยชน์ให้กับการทำงานของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงจะสามารถอยู่ในตลาดแรงงานตลอดจนองค์กรได้ต่อไป
หนึ่งในวิธีรับมือตลอดจนแก้ไขกับปัญหา “การปฎิวัติทางอาชีพ (Career Disruption)” ที่กำลังเกิดขึ้นไปทั่วโลกนี้ก็คือการที่ต้อง Reskill เรียนรู้ทักษะใหม่เพิ่มเติม และปฎิวัติทักษะเดิมที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตลอดจนสามารถประยุกต์ทักษะเดิมของตนเองให้เข้ากับการทำงานยุคสมัยใหม่ โดยเฉพาะการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ให้เป็นประโยชน์สำหรับงานของตน เราจะเริ่มเห็นว่าหลายองค์กรทั่วโลกหรือแม้แต่ในไทยเองก็ตามก็เริ่มมีการนำเอาแนวคิด Reskill นี้มาใช้กันบ้างแล้ว เพื่อเตรียมปรับองค์กรตลอดจนพัฒนาบุคลากรให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกในครั้งนี้ได้ทัน
คำว่า Reskill นี้หากดูความหมายจากพจนานุกรมภาษาอังกฤษที่น่าเชื่อถือของโลกหลายๆ แหล่งจะพูดในทำนองเดียวกันว่า Reskill นี้ก็คือการปรับปรุง เรียนรู้ พัฒนาทักษะเก่าของตนเอง ตลอดจนเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพื่อที่จะสามารถทำงานใหม่ๆ ได้เพิ่มขึ้น นั่นเป็นโจทย์สำคัญสำหรับคนยุคปัจจุบันที่เริ่มหันมาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้สามารถทำงานร่วมกับทักษะวิชาชีพยุคใหม่ที่องค์กรต่างๆ ต้องการได้ องค์กรเองก็มีโปรแกรมในการพัฒนาบุคลากรในการเพิ่มทักษะวิชาชีพเดิมและเสริมทักษะวิชาชีพใหม่ๆ เช่นกัน ทั้งนี้ก็เพื่อเตรียมให้บุคลากรของตนเองสามารถรองรับงานได้หลากหลายประเภทมากขึ้น ตลอดจนหากบุคลากรไม่ได้ทำงานกับองค์กรแล้วออกสู่ตลาดแรงงานภายนอกก็สามารถที่จะมีทักษะหลากหลายรูปแบบเพื่อที่จะไปต่อยอดในงานสายต่างๆ ได้มากมายขึ้นด้วยนั่นเอง
ในยุคศตวรรษที่ 21 นี้โลกของการทำงานเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก หลายองค์กรหันมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงกว่า และประหยัดต้นทุนได้มากกว่าการจ้างคนมาทำงานได้ด้วย หลายองค์กรเริ่มลดพนักงานลง ในขณะที่มนุษย์ก็ยังมีความจำเป็นในองค์กรอยู่แต่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบไป นั่นทำให้ใครที่สามารถปรับตัวได้ก่อน มีศักยภาพที่สอดคล้องกับองค์กรยุคใหม่ได้มากกว่า ก็มีสิทธิที่จะได้งานมากกว่าเช่นกัน สำหรับทักษะในการทำงานยุคศตวรรษที่ 21 นี้จะแตกต่างไปจากยุคศตวรรษก่อนๆ ที่ผ่านมาที่องค์กรต้องการทักษะทางวิชาชีพเฉพาะตัว คนคนนึงพัฒนาทักษะวิชาชีพใดวิชาชีพหนึ่งให้ชำนาญไปเลย เพื่อรองรับกับแต่ละงานหรืออุตสาหกรรมนั้นๆ แต่ในยุคนี้คนที่มีศักยภาพมากกว่าคือคนที่มีทักษะวิชาชีพที่หลากหลายขึ้น รวมถึงมีทักษะวิชาชีพเฉพาะทางที่ลงลึกขึ้น มีความสามารถเหนือกว่าผู้อื่น ตลอดจนการมีทักษะวิชาชีพที่สอดคล้องกับตลาดแรงงานในยุคปัจจุบัน เราลองมาดูกันดีกว่าว่าทักษะวิชาชีพสำหรับศตวรรษที่ 21 ควรเป็นอย่างไรบ้าง
ผู้ที่มีความรู้เรื่องความสามารถในด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลนั้นจะเป็นผู้ได้เปรียบในการทำงานยุคใหม่นี้มากกว่า เพราะแทบทุกอุตสาหกรรมบนโลกยุคใหม่นี้ต่างก็มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น บุคลากรที่มีทักษะเกี่ยวกับ Programing การเขียนโปรแกรมต่างๆ, IOT-Internet of Things, Technology Innovation นวัตกรรมทางเทคโนโลยี, ตลอดจน Specialist Digital Skill ทักษะเฉพาะทางด้านดิจิทัลทั้งหลาย ต่างก็เป็นแรงงานที่มีมูลค่าการจ้างงานสูง และเป็นที่ต้องการเป็นจำนวนมาก มากกว่าทักษะวิชาชีพพื้นฐานทั่วไป
ใครที่มีทักษะในการทำงานหลากหลายรูปแบบในคนเดียวกันมากกว่ากันก็ย่อมจะเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานมากกว่าคนที่มีทักษะเฉพาะอย่างเพียงด้านเดียว ซึ่งองค์กรก็จะคุ้มค่ากว่าในการจ้างงานอีกด้วย การเพิ่มทักษะให้กับตัวเองที่มีประโยชน์ต่อการทำงานมากขึ้นจึงเป็นสิ่งจำเป็น และสามารถพัฒนาปรับตัวเองให้ก้าวทันตามโลกได้ อย่างเช่น การเพิ่มเติมทักษะในด้านเทคโนโลยีต่างๆ เข้าไปกับทักษะเดิมของตนเอง ก็จะทำให้เราได้เปรียบขึ้น เพราะทุกงานในยุคนี้ต่างนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ประโยชน์กันแทบทั้งสิ้น หรือการเพิ่มทักษะอื่นๆ ให้ตัวเองที่อาจไม่เกี่ยวข้องกับสายงานเดิมๆ เพื่อรองรับตลาดแรงงานที่หลากหลายขึ้น
แทบจะทุกธุรกิจต่างก็ต้องการทักษะทางธุรกิจมาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรทั้งนั้น เพราะนี่คือจุดที่จะช่วยสร้างรายได้ให้กับองค์กรได้นั่นเอง การที่มีทักษะทางด้านธุรกิจตลอดจนการตลาดนั้นจะเป็นข้อได้เปรียบที่สามารถทำงานได้หลากหลายประเภทและทุกองค์กร แต่ผู้ที่มีทักษะทางด้านธุรกิจนี้ก็ควรพัฒนาทักษะทางด้านเทคโนโลยีเพิ่มเติมเพราะเป็นสิ่งที่จะทำให้เรามีข้อได้เปรียบมากยิ่งขึ้น ในทางกลับกันหลายสาขาอาชีพต่างก็สามารถพัฒนาทักษะธุรกิจเพิ่มเติมให้กับทักษะพื้นฐานของตนเองได้ ตลอดจนพัฒนาเป็นอีกทักษะที่สามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานได้หลากหลายขึ้นมากด้วย ซึ่งองค์กรหลายองค์กรนั้นต้องการทักษะวิชาชีพเฉพาะทางที่มีความรู้เรื่องการตลาด มากกว่าต้องการนักการตลาดที่ไม่มีความรู้เฉพาะทางในวิชาชีพมาเสริมทัพ ดังนั้นจึงเป็นทักษะที่หากมีเพิ่มเติมก็จะช่วยเสริมสร้างศักยะภาพของเราให้ดีมากขึ้นได้
ในยุคนี้เรื่องของนวัตกรรมไม่ได้จำกัดอยู่แค่แวดวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเท่านั้น แล้วการสร้างสรรค์ก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่แวดวงศิลปะหรือการออกแบบต่างๆ เพียงอย่างเดียว แต่สองสิ่งนี้เข้าไปมีบทบาทในแทบทุกองค์กรและทุกธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนี่คือสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ยอดเยี่ยมนั่นเอง ทุกวันนี้หลายองค์กรใช้นวัตกรรมและการสร้างสรรค์เพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับตนเองทั้งสิ้น ใครที่มีทักษะในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดจนสิ่งสร้างสรรค์ใหม่ๆ ได้คนนั้นก็ย่อมจะเป็นคนที่ได้เปรียบในยุคนี้ เพราะแทบทุกองค์กรต่างก็แข่งขันกันสร้างนวัตกรรมของตนเองขึ้นมาเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับทั้งผู้อื่นและกับงานในองค์กรของตนเองด้วย
ทักษะนี้อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับทักษะวิชาชีพมากนัก แต่เป็นทักษะของความยืดหยุ่นในการทำงาน ระบบการจ้างงาน ตลอดจนการปรับตัวในรูปแบบต่างๆ ให้เหมาะสมลงตัวกับแต่ละธุรกิจ อย่างเช่น องค์กรก็ต้องลดภาระต้นทุน ไม่ใช่ว่าจะแบกภาระในการจ้างงานที่ต้องมีภาระตามมาอีกมากมาย บางตำแหน่งก็อาจจะไม่มีการจ้างประจำแล้ว เปลี่ยนไปเป็นการจ้างแบบสัญญาจ้างชั่วคราวหรือระบบฟรีแลนซ์แทน อีกอย่างยุคนี้คนทำงานรุ่นใหม่มักไม่ชอบทำงานประจำ หลายองค์ก็เริ่มปรับตัวในการเพิ่มระบบจ้างงานแบบฟรีแลนซ์มากขึ้น เพราะบางตำแหน่งก็ไม่จำเป็นต้องจ้างมานั่งประจำ แต่จ้างเป็นลักษณะงานไปจะดีกว่า อีกทั้งยังได้ลองทำงานหลากหลายรูปแบบกับคนหลากหลายประเภทอีกด้วย ก็เป็นประโยชน์สำหรับทุกภาคส่วน ทักษะยืดหยุ่นนี้ยังรวมไปถึงการสามารถทำงานได้หลากหลายทักษะ เปลี่ยนแผนกทำงานได้ รองรับงานได้มากกว่าทักษะของตน ตลอดจนสามารถโยกย้ายไปทำงานในตำแหน่งที่องค์กรต้องการได้ ซึ่งความยืดหยุ่นนั้นมีได้หลากหลายลักษณะ และผู้คนที่สามารถรองรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอได้ดีนั้นก็ย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าของแต่ละองค์กรเสมอ
ด้วยโลกที่เปลี่ยนไปไวมาก ทักษะที่จำเป็นสำหรับคนยุคนี้ก็คือคนที่มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เสมอ และไม่หยุดในการที่จะพัฒนาตนเอง เพราะองค์กรต้องการที่จะเสริมความรู้ใหม่ๆ ให้กับพนักงานอยู่เสมอ ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็ว และเราต้องเรียนรู้ให้ทัน นำความก้าวหน้ามาใช้ให้เป็นประโยชน์กับทักษะวิชาชีพและการทำงานของตนให้ได้ ดังนั้นจึงต้องพร้อมที่จะเรียนรู้ตลอดเวลา ไม่ขี้เกียจ ไม่เป็นน้ำเต็มแก้ว เปิดรับการเรียนรู้ได้ไม่จำกัด ขยันในการพัฒนาตนเอง ขณะเดียวกันก็ควรที่จะมีลักษณะนิสัยในการอยากเรียนรู้ หาสิ่งที่เป็นประโยชน์มาพัฒนาองค์ความรู้ตนเองด้วยตัวเองอยู่เสมอด้วย พร้อมที่จะรับองค์ความรู้ที่ไม่คุ้นเคย และเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ได้เสมอ ซึ่งทักษะนี้จำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาตนเองและพัฒนาองค์กรในโลกยุคศตวรรษที่ 21 นี้
หนึ่งในฝ่ายที่ต้องปรับตัวกับการปฎิวัติทางวิชาชีพ (Career Disruption) มากที่สุดก็คือฝ่ายทรัพยากรบุคคลนี่ล่ะ ทั้งการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้รองรับการปรับตัวสู่ง HR 4.0 ให้ได้ การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ในทุกภาคส่วนของการทำงานบริหารงานบุคคล ตลอดจนต้องเตรียมพร้อมพัฒนาบุคลากรในองค์กรให้พร้อมรับมือกับโลกยุคใหม่และธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่ฝ่าย HR ควรใส่ใจกันเป็นอย่างมากก็คือการ Reskill ให้กับบุคลากรในองค์กรนั่นเอง มาลองดูกันดีกว่าว่าฝ่าย HR จะมีบทบาทในเรื่องนี้อย่างไรได้บ้าง
ในโลกยุคที่เทคโนโลยีกำลังเข้ามามีบทบาทในทุกภาคส่วน นวัตกรรมหลายอย่างมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงและกำลังเข้ามาแทนที่มนุษย์ ขณะที่แรงงานคนก็ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานและองค์กรทั่วโลกอยู่ เพียงแต่อาจเปลี่ยนรูปแบบของวิชาชีพที่ต้องการไป ทักษะที่เปลี่ยนแปลงจากเดิม ตลอดจนจำนวนคนที่ลดลงกว่าแต่ก่อน ปัญหาเหล่านี้กำลังกลายเป็นปัญหาที่ทั่วโลกกำลังเผชิญและร่วมกันแก้ไข แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนเริ่มพัฒนาตนเองก่อนได้ก็คือการ Reskill ทักษะของตนเอง ตั้งแต่การพัฒนาทักษะที่ตนเองมีอยู่แล้วให้เชี่ยวชาญมากขึ้น การนำเอาเทคโนโลยีมาผสานกับทักษะของตนเองให้เกิดประโยชน์และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ตลอดจนการหาทางพัฒนาทักษะใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์และตรงกับแนวโน้มที่ตลาดแรงงานกำลังต้องการ ซึ่งองค์กรที่ปรับตัวให้ก้าวหน้าทันยุค เมื่อจับมือกับพนักงานที่มีทักษะการทำงานที่มีประสิทธิภาพเหมาะสมกับความต้องการขององค์กรยุคใหม่ หากร่วมมือกันได้อย่างดีเยี่ยมนั้นแน่นอนว่าทั้งคนและองค์กรต่างก็มุ่งหน้าสู่ความสำเร็จได้อย่างมีศักยภาพที่สุดเช่นกัน
สุดท้ายแล้วองค์กรนี่แหละที่จะสามารถมอบโอกาสดีๆ ให้กับพนักงานได้ในการพัฒนาทักษะตลอดจนศักยภาพของตน เมื่อพนักงานเกิดการพัฒนาทักษะยุคใหม่ที่สอดรับกับองค์กรก็จะยิ่งทำให้องค์กรมีโอกาสประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นได้ด้วยเช่นกัน เป็นผลประโยชน์ที่ได้รับกันทุกฝ่าย และเสริมสร้างศักยภาพให้กันทั้งระบบตั้งแต่แรงงาน องค์กร ยันภาคธุรกิจระดับองค์รวมเลยทีเดียว
สามารถอ่าน บทความเกี่ยวกับHR และ บทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี้
ที่มา : th.hrnote.asia