เข้าใจหลักการคำนวณภาษีเบื้องต้น

เข้าใจหลักการคำนวณภาษีเบื้องต้น

ผมเชื่อว่า มีเพื่อน ๆ อีกหลายคนที่ยังคงรู้สึกงุนงงอยู่ทุกครั้งเวลายื่นแบบภาษี เพราะมีตัวเลขมากมายไปหมด ถึงแม้โปรแกรมคำนวณภาษีจะช่วยให้การกรอกข้อมูลง่ายขึ้น แต่ก็อาจจะไม่เข้าใจอยู่ดีว่า ตัวเลขแต่ละตัวนั้นถูกนำไปคำนวณเป็นภาษีได้อย่างไร วันนี้ ผมจะมาเล่าหลักการคำนวณภาษีให้ฟังกันครับ รับรองว่า ไม่ยากอย่างที่คิด

หลักการฉบับย่อของการคำนวณภาษี คือ การนำรายได้รวมทั้งปี หักออกด้วยค่าใช้จ่าย หักด้วยค่าลดหย่อน แล้วนำยอดที่เหลือไปคำนวณภาษีตามอัตราที่กำหนด ซึ่งจะเห็นได้ว่า การคำนวณต้องมีสี่องค์ประกอบหลัก ดังนี้ (ผมขอใช้ภาษีเงินได้แบบบุคคลธรรมดาในการอธิบายนะครับ

1. รายได้รวมทั้งปี

นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม หรือในภาษากฎหมาย เรียกว่า "เงินได้พึงประเมิน” ตัวอย่างเช่น เงินเดือน รวมถึงรายได้จากการทำงานพิเศษ โดยก่อนที่จะนำเงินได้พึงประเมินไปคำนวณค่าใช้จ่าย เราจะหักออกด้วยเงินได้ที่ได้รับการยกเว้น เช่น เงินที่ลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ส่วนที่ไม่เกิน 10,000 บาท หรือเงินสะสมกองทุนบำนาญข้าราชการ
 

2. ค่าใช้จ่าย

ตามกฎหมายกำหนดให้หักค่าใช้จ่ายตามประเภทของรายได้ครับ เช่น กรณีรายได้ทั่วไปอย่างพนักงานออฟฟิศ สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 40% ของเงินได้ที่คำนวณจากข้อ 1 ทั้งนี้ต้องไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
 

3. ค่าลดหย่อน

หลังนำเงินได้พึงประเมิน หักออกด้วยค่าใช้จ่ายแล้ว เราก็นำตัวเลขที่เหลือมาหักออกด้วยค่าลดหย่อน ซึ่งได้แก่ ค่าลดหย่อนของตัวเราเอง, คู่สมรส, บุตร, บิดามารดา รวมไปจนถึงเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา, เบี้ยประกันชีวิต, เงินที่ลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพส่วนที่เกิน 10,000 บาท, เงินลงทุนใน LTF, RMF, ดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย, เงินสมทบกองทุนประกันสังคม เป็นต้น

จากนั้นจึงนำมาหักออกด้วยเงินบริจาค เหตุผลที่ต้องนำมาคำนวณภายหลัง เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้วงเงินบริจาคไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อนนั่นเองครับ
 

4. อัตราภาษี

ถึงตอนนี้เราก็จะได้เงินได้สุทธิ ที่จะนำไปใช้คำนวณภาษีแล้วครับ โดยอัตราภาษีจะเป็นแบบขั้นบันได เช่น

รายได้ อัตราภาษีที่ต้องเสีย
รายได้ไม่เกิน 150,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษี
รายได้ 150,001-300,000 บาท ร้อยละ 5
รายได้ 300,001-500,000 บาท ร้อยละ 10
รายได้ 500,001-750,000 บาท ร้อยละ 15

โดยอัตราภาษี ค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนข้างต้น จะมีการปรับปรุงอยู่เสมอ เราสามารถตรวจสอบข้อมูลล่าสุดได้ที่ กรมสรรพากร


จากการคำนวณตามอัตราภาษีข้างต้น ถึงตอนนี้ เราจะได้ยอดเงินภาษีที่ต้องชำระแล้วครับ จากนั้น นำภาษีที่คำนวณได้นี้ เปรียบเทียบกับภาษีหัก ณ ที่จ่าย ที่เราได้ชำระไปแล้วในระหว่างปี หากยอดรวมภาษีหัก ณ ที่จ่าย สูงกว่าภาษีที่คำนวณได้ เราก็จะได้รับเงินภาษีคืน และในทางตรงข้าม หากยอดรวมภาษีหัก ณ ที่จ่าย ต่ำกว่าภาษีที่คำนวณได้ เราก็มีหน้าที่ยื่นชำระภาษีเพิ่มเติม แต่ถ้าเลขทั้งสองตัวเท่ากัน ก็หมายความว่า เราได้ชำระภาษีครบถ้วนแล้ว ไม่ต้องชำระเพิ่ม และไม่ได้เงินคืน แต่ยังคงต้องยื่นแบบภาษีไว้เพื่อเป็นหลักฐานเท่านั้น สำหรับตัวเลขภาษีหัก ณ ที่จ่าย จะอยู่ในหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ที่นายจ้างจะส่งให้เมื่อมีการชำระเงิน หรือบางบริษัท จะส่งให้พนักงานประจำตอนปลายปี เพื่อใช้เป็นเอกสารในการยื่นแบบภาษีครับ

ในส่วนของภาษีเงินได้นิติบุคคล ก็จะมีหลักการคำนวณที่คล้ายกันกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หลักการคำนวณแบบย่อ คือ รายได้ลบด้วยค่าใช้จ่าย จากนั้นจึงนำกำไรที่ได้ไปคำนวณภาษีตามอัตราที่กำหนด โดยรายละเอียดของรายได้ ค่าใช้จ่าย และอัตราภาษีนั้นค่อนข้างจะมีรายละเอียดมากกว่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทั้งยังมีอัตราภาษีที่แตกต่างกันไปในธุรกิจแต่ละประเภทอีกด้วยครับ

จากหลักการคำนวณจะเห็นได้ว่า วิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราได้รับเครดิตภาษีเงินคืนเพิ่มได้ คือ เพิ่มค่าลดหย่อน เช่น ลงทุนในกองทุน LTF, RMF หรือซื้อประกันชีวิตนั่นเอง ผมหวังว่า ด้วยหลักการคำนวณภาษีเบื้องต้นนี้ จะทำให้เพื่อน ๆ มีความเข้าใจ และกรอกข้อมูลภาษีได้อย่างสบายใจมากขึ้นนะครับ

สามารถอ่าน  บทความเกี่ยวกับภาษี และ บทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี้

ที่มา : www.krungsri.com

 1456
ผู้เข้าชม
ทำเว็บธุรกิจ ทําเว็บขายของ ออกแบบเว็บไซต์ เว็บไซต์สำเร็จรูป SoGoodWeb

HR Articles

การเข้าออกของพนักงานในองค์กรถือเป็นเรื่องธรรมดาเรื่องหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำในการทำงาน เมื่อมีพนักงานลาออก ก็ต้องมีการสรรหาคัดเลือกพนักงานเข้ามาทดแทนตำแหน่งงานที่หายไป และเมื่อคัดเลือกได้พนักงานที่น่าจะดีที่สุดแล้ว ก็จะต้องมีการนัดหมายเริ่มต้นการทำงาน พนักงานใหม่กลุ่มนี้ องค์กรมีการดูแลอย่างไรนั้น มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าพนักงานที่ทำงานมานานๆ ในองค์กรเลย
2472 ผู้เข้าชม
แนวโน้มและทิศทางในการสรรหาในปี ค.ศ.2020 (พ.ศ. 2563) ควรเป็นแนวทางในการปรับกลยุทธ์การสรรหาบุคลากรของคุณในปี 2020 เราจะรวบรวมเทรนด์การสรรหาล่าสุด ที่จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการสรรหาของคุณอย่างมีนัยสำคัญ คุณพร้อมที่จะลองใช้แนวโน้มและทิศทางในการสรรหาใหม่เหล่านี้หรือยัง? ไม่อย่างนั้นคุณก็อาจจะโดนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
2788 ผู้เข้าชม
มีการเผยแพร่บทความที่น่าสนใจเรื่อง 6 People Strategies for Startups โดย Shefali Anand อดีตผู้สื่อข่าวของ Wall Street Journal ในประเทศอินเดีย เขามีโอกาสติดตามข่าวสารด้านการลงทุนต่างๆ ของนักลงทุนหน้าใหม่ตลอดเวลา จึงมีข้อมูลนำมาประมวล จนสรุปคำแนะนำที่น่าจะสร้างแนวคิดหรือประโยชน์แก่คนที่อยากเป็นเถ้าแก่รุ่นใหม่มือใหม่ของบ้านเรา
1731 ผู้เข้าชม
จากสถิติประชากรศาสตร์ของประเทศนั้น จะเห็นว่า อีก 15 ปีข้างหน้า คนไทยอายุเกิน 60 ปี จะมีมากถึง 1 ใน 4 ของประเทศ ทำให้มีการผลักดันการแก้กฎหมาย โดยมีการเพิ่มมาตรา 118/1 ให้ถือว่าการเกษียณอายุเป็นการเลิกจ้างตามมาตรา 118 วรรค 2 เพื่อให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้าง และกำหนดอายุของการเกษียณอายุไว้ที่ 60 ปีบริบูรณ์
2287 ผู้เข้าชม
Get started for free today. DEMO FREE 60 DAYS
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์