ผู้ประกันตน “เกษียณ...ขอรับเงินบำนาญ” ก่อนสมัครมาตรา 39

ผู้ประกันตน “เกษียณ...ขอรับเงินบำนาญ” ก่อนสมัครมาตรา 39

ผู้ประกันตนที่เกษียณจากการทำงาน ควรจะวางแผนและดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ “สิทธิรับเงินบำนาญชราภาพ”
คุ้มค่ามากที่สุด ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจและปฏิบัติให้ถูกต้อง

การเกษียณอายุมีผลทำให้ความเป็นผู้ประกันตนตามกฎหมายประกันสังคมสิ้นสุดลงและเกิดสิทธิ 3  ประการ คือ

1. ได้รับความคุ้มครองโดยผลของกฎหมายต่อไปอีก 6 เดือน 

นับแต่ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลงตาม มาตรา 38 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 

2. สมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 

เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองจากกองทุนประกันสังคมต่อไป ซึ่งจะต้องยื่นแบบแสดงความจำนงสมัครภายใน 6 เดือน นับแต่ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลงตามมาตรา 39  วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533

3. รับเงินชราภาพ 

ซึ่งอาจเป็นเงินบำเหน็จชราภาพหากผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมไม่ครบ 180 เดือน (นับตั้งแต่เดือน ธันวาคม 2541) หรือเงินบำนาญชราภาพหากผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบครบ 180 เดือน หรือมากกว่า (นับตั้งแต่เดือน ธันวาคม 2541) โดยจะต้องยื่น คำขอรับภายใน 2 ปี นับแต่วันที่มีสิทธิ แต่หากยื่นคำขอไม่ทันตามเวลาก็จะต้องแจ้งเหตุจำเป็นที่ไม่สามารถยื่นคำขอได้ทันตามเวลา

เนื่องจากมีปัญหาในทางปฏิบัติเกี่ยวกับจำนวนเงินบำนาญชราภาพที่จะได้รับในแต่ละเดือนหลังเกษียณจนตลอดชีวิต
ซึ่งปัญหาหนึ่งอาจเกิดจากข้อกฎหมายที่ไม่มีความชัดเจนทำให้ผู้ประกันตนเข้าใจคลาดเคลื่อน บทความนี้ ผู้เขียนจึงขอ
เน้นย้ำอีกครั้ง สำหรับ “สิทธิรับเงินบำนาญชราภาพ” ว่าผู้ประกันตนควรจะใช้สิทธิอย่างไรให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด
คือ การได้เงินบำนาญชราภาพจำนวนมาก

กล่าวโดยสรุป สำหรับผู้เกษียณอายุที่มีสิทธิได้รับเงินบำนาญชราภาพ

(1) ต้องยื่นคำขอรับเงินบำนาญชราภาพก่อนที่จะสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 เพื่อให้ได้รับเงินบำนาญชราภาพ
รายเดือนจำนวนมากกว่าการสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ในทันที

(2) อัตราร้อยละที่นำมาคำนวณจะถูกปรับเพิ่มมากขึ้น 1.5% ของทุกๆ การจ่ายเงินสมทบครบ 12 เดือน ด้วยเหตุนี้
หากระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบมากจำนวนเงินบำนาญชราภาพจะมากขึ้น และถ้าจ่ายไม่ครบ 12 เดือนจะไม่ได้ถูกปรับ
เพิ่ม 1.5% 

(3) การตัดสินใจสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 จะทำให้ได้รับความคุ้มครองจากกองทุนประกันสังคมต่อไปโดย
ไม่จำกัดอายุจนกว่าความเป็นผู้ประกันตนจะสิ้นสุดลง แต่การตัดสินใจว่าต้องการได้รับความคุ้มครองจากกองทุน
ประกันสังคมต่อไปหรือไม่ภายหลังจากเกษียณอายุ ถือเป็นความจำเป็นของผู้ประกันตนแต่ละคน! 

สามารถอ่าน  บทความเกี่ยวกับการเกษียณ และ บทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี้

ที่มา : www.dst.co.th

 3008
ผู้เข้าชม
ทำเว็บธุรกิจ ทําเว็บขายของ ออกแบบเว็บไซต์ เว็บไซต์สำเร็จรูป SoGoodWeb

HR Articles

พูดกันอยู่บ่อย ๆ ว่า HR ต้องเป็น Business Partner แล้วจะต้องออกแบบความคิด (Design Thinking) HR อย่างไรถึงจะเป็น Business Partner ล่ะครับ วันนี้เราลองมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันแบบ สบาย ๆ จาก Case Study ที่ผมเข้าไปให้คำปรึกษา ในหลายองค์กรเลยขอนำมาแชร์นะครับ
2312 ผู้เข้าชม
การวางแผนภาษีเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะช่วงปลายปีแบบนี้ ซึ่งเราทุกๆคนมีหน้าที่จะต้องจ่ายภาษีในช่วงต้นปีถัดไป ก่อนถึงกำหนดจ่ายภาษี การวางแผนภาษีไม่ใช่การหนีภาษีนะ แต่ถือเป็นกระบวนการที่ถูกต้องตามหลักสิทธิประโยชน์ทางภาษีทางกฎหมายที่ระบุไว้อยู่แล้ว
2136 ผู้เข้าชม
Talent Management หรือ ระบบการบริหารจัดการคนเก่ง เป็นเครื่องมือทางการบริหารทรัพยากรบุคคลอยางหนึ่งที่ในปัจจุบันองค์กรจํานวนมากกำลังให้ความสนใจกับการบริหารจัดการคนเก่งที่มีอยูในองค์กร หากจะกำหนดนิยามของ Talent Management ก็อาจกล่าวได้ว่า Talent Management หมายถึงกระบวนการวิเคราะห์และวางแผนที่มีความสอดคล้องกันในการหาแหล่งที่มา (Sourcing) กลั่นกรอง (Screening) การคัดเลือก (Selection) การนําไปใช้ (Deployment) การพัฒนา (Development) และการทําให้คงอยู่(Retention) ของทรัพยากรบุคคลที่มีศักยภาพสูงและ สามารถทํางานได้อยางมีประสิทธิภาพสูงสุด
12963 ผู้เข้าชม
เอสซีจี ให้ความสำคัญกับพนักงานเป็นอย่างมาก เนื่องจากตระหนักอยู่เสมอว่าพนักงานเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กร โดยการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารทรัพยากรบุคคลของบริษัทปูนซีเมนต์ไทย เริ่มตั้งแต่การสรรหาผู้ที่เป็นคนเก่งและดีเข้ามาร่วมงาน โดยจัดโครงการ “Drawing Your Career with SCG Career Camp” เพื่อจูงใจผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำของประเทศไทยให้มาทำงานกับบริษัท ซึ่งถือว่าเป็นการสรรหาบุคลากรในเชิงรุก นอกจากนี้ยังมีโครงการ “Top Ten University Recruitment” เพื่อสรรหาผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยท็อป 10 ในสหรัฐอเมริกาหรือมหาวิทยาลัยชั้นนำในยุโรปอีกด้วย การพัฒนาบุคลากรของเอสซีจีจะดำเนินการโดยการให้ทุนการศึกษาและการอบรม โดยการอบรมนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ Business Knowledge และ Leadership Skills ซึ่งทางเอสซีจีได้จัดสรรงบประมาณสำหรับการฝึกอบรมคิดเป็นร้อยละ 0.19 ของรายได้ของบริษัทในปี 2550 สำหรับผู้ที่ผ่านหลักสูตรทั้งหมดแล้วและได้ขึ้นเป็นผู้บริหาร ทางเอสซีจีได้จัดหลักสูตรอบรมเพิ่มเติมได้แก่ Advance Management Program (AMP) และ Executive Development Program (EDP) โดยหลักสูตรแรกเอสซีจีร่วมมือกับ ฮาวาร์ด บิสสิเนสท สคูล และวาร์ตัน บิสสิเนส สคูล ส่วนหลักสูตร EDP ร่วมมือกับ โคลัมเบีย บิสสิเนส สคูล ซึ่งค่าใช้จ่ายสำหรับฝึกอบรมผู้บริหารนี้จะแยกอิสระออกจากงบพัฒนาบุคคลหลัก
27822 ผู้เข้าชม
Get started for free today. DEMO FREE 60 DAYS
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์