บริหารคนให้ทำงาน ต้องวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์

บริหารคนให้ทำงาน ต้องวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์


การวิจารณ์ที่ดีเป็นไปเพื่อเสริมสร้างและชี้แนะผู้ถูกวิจารณ์ให้เกิดการพัฒนา ไม่ใช่เพื่อจ้องจับผิด หรือต้องการประจานให้เสียหายแต่อย่างใด หากแต่บางครั้งบางคราที่ผู้วิจารณ์มีเจตนาดีแต่ไม่รู้วิธีพูด ความหวังดี จึงกลับกลายเป็นการทำร้ายให้เจ็บช้ำน้ำใจได้โดยไม่รู้ตัว ผู้มีหน้าที่ในการบริหารบุคลากรจึง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้จักวิธีการวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์

1. อย่าเพิ่มค่าของตน ด้วยการลดค่าคนอื่น

การที่คุณบอกกับเขาว่า คุณเตือนเขาด้วยความหวังดี เท่ากับว่าคุณกำลังลดค่าของเขาด้วยการจี้จุดอ่อนบางอย่างที่เป็นความผิดในตัวเขา โดยใช้ความหวังดีมาเพิ่มค่าให้กับตัวคุณเอง

2. พูดกันสองต่อสอง

การจะวิจารณ์ใด ๆ นั้น คุณต้องคำนึงถึงความรู้สึกของเขาก่อนเป็นสำคัญ อย่าทำให้เขารู้สึกอับอายและเสียหน้า ด้วยการวิจารณ์เขาต่อหน้าบุคคลที่สาม และพึงระลึกไว้ว่า คุณต้องให้เกียรติผู้ที่ถูกวิจารณ์เสมอ

3. ต้องรู้จักลูกน้อง

ในที่นี้หมายถึง คุณต้องรู้จักนิสัยใจคอ พื้นฐานจิตใจ ความละเอียดอ่อนไหวของลูกน้องแต่ละคน แล้วเลือกวิธีและดีกรีการพูดที่เหมาะสม บางคนอาจต้องใช้ความนิ่มนวลมากกว่าปกติ บางคนชอบแบบตรงไปตรงมา หรือบางคนแค่แสดงออกด้วยสีหน้าท่าทางว่าผิดหวังก็เพียงพอแล้ว

4. หาจังหวะและโอกาส

เมื่อคุณทราบถึงปัญหาหรือข้อผิดพลาดของเขา คุณควรหาข้อเท็จจริงก่อน ว่าเป็นความผิดพลาดของเขาอย่างแท้จริง หรือมีที่มาจากสาเหตุอื่นด้วย แล้วค่อยหาจังหวะและโอกาสพูดคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวแบบไม่ต้องซีเรียสอะไร

5. กล่าวนำด้วยคำชมเชย

การเปิดประเด็นด้วยคำวิจารณ์ในทันที จะทำให้ผู้ฟังปิดประตูใจใส่คุณ เขาจะเกิดความรู้สึกต่อต้านคุณในทันทีเช่นกัน ฉะนั้นควรเปิดประตูใจของเขาโดยกล่าวถึงส่วนที่ดีของเขาก่อนจากนั้นจึงวิจารณ์ด้วยถ้อยคำที่รื่นหู เช่น การเลี่ยงไปใช้คำอื่นแทนคำว่า “ผิด” เป็นต้น

6. วิจารณ์ที่ผลงาน ไม่ใช่ที่ตัวบุคคล

การวิจารณ์ที่ผลงานเป็นการทำงานแบบผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่ แสดงให้เห็นว่าคุณยังชื่นชมเขาอยู่ แม้คุณจะตำหนิเขา นั่นเป็นเพราะการกระทำของเขา ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนไม่ดีหรือว่าคุณไม่ชอบเขา แต่การวิจารณ์ที่ตัวบุคคลเป็นการทำงานแบบผู้ปกครองกับเด็ก ผู้ถูกวิจารณ์จะรู้สึกว่า เขาไม่ได้รับการเคารพ และเขาก็จะไม่เชื่อถือคุณ หากเป็นเช่นนั้นปัญหาต่าง ๆ ก็ไม่มีทางคลี่คลายได้อย่างแน่นอน

7. ขอความร่วมมือ ดีกว่าบังคับ

เป็นธรรมดาของคนเรา ถ้าเมื่อไรที่มีคนขอความร่วมมือ เรามักจะยินดีให้ความร่วมมือ ถ้าไม่มีอะไรเหลือบ่ากว่าแรง แต่ถ้าเมื่อไรก็ตามที่เราถูกออกคำสั่ง เราจะรู้สึกต่อต้านและไม่อยากทำตาม

8. แนะแนวทางแก้ไข

เมื่อคุณบอกเขาว่าทำอย่างนั้นไม่ถูก คุณควรจะบอกเขาด้วยว่าทำอย่างไรจึงจะถูก เพื่อเป็นการช่วยคนที่หลงทางให้หาทางออกได้โดยเร็ว แต่ถ้าคุณเอาแต่ชี้ข้อบกพร่อง โดยไม่ได้มีความรู้สึกอยากจะเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้นมา ยิ่งกลับเป็นการตอกย้ำซ้ำเติมข้อผิดพลาดของเขา อย่างนี้แหละที่เรียกว่าวิจารณ์อย่างไม่สร้างสรรค์

9. ทำผิดครั้งเดียว เตือนครั้งเดียวก็เกินพอ

การที่คุณเรียกเขามาพูดคุยในครั้งนี้ เป็นเพราะความผิดเรื่องใด คุณสมควรพูดเฉพาะเรื่องนั้น การขุดคุ้ยเรื่องเก่า ๆ ที่เขาเคยทำผิดพลาดขึ้นมาตำหนิซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นการทำลายความน่าเคารพของตัวคุณเอง และเมื่อการพูดคุยในวันนี้จบลง ก็ไม่จำเป็นต้องเตือนเขาอีกเป็นรอบที่สอง เพราะการวิจารณ์เป็นไปเพื่อให้งานสำเร็จ ไม่ใช่เพื่อตอกย้ำซ้ำเติมใครๆ

10. จบคำวิจารณ์อย่างมิตร

ด้วยการให้กำลังใจ ชื่นชม และแสดงความมั่นใจว่าเขาทำได้ แต่หากยังมีความขุ่นข้องหมองใจต่อกัน อย่าจบบทสนทนาทั้งที่ยังค้างคาใจกันอยู่เด็ดขาด

สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี้

ที่มา : th.jobsdb.com

 2036
ผู้เข้าชม
ทำเว็บธุรกิจ ทําเว็บขายของ ออกแบบเว็บไซต์ เว็บไซต์สำเร็จรูป SoGoodWeb

HR Articles

เงินโบนัส หมายถึง เงินพิเศษ ที่องค์กรจ่ายให้เป็นบำเหน็จรางวัลแก่พนักงานนอกเหนือจากเงินเดือนค่าจ้าง ซึ่งอาจจะเป็นรายปี รายครึ่งปี แล้วแต่องค์กรถ้าพูดให้เข้าใจโดยทั่วๆไปก็คือ โบนัสเป็นเงินค่าตอบแทนที่บริษัทจ่ายให้พนักงาน เนื่องจากผลประกอบการดี เป็นไปตามเป้า หรือมีกำไรนั่นเอง 
234193 ผู้เข้าชม
แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในคริสต์ศตวรรษที่21มีแนวโน้มที่จะพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มี ความสามารถใกล้เคียงกับมนุษย์ เช่น การเข้าภาษาสื่อสารของมนุษย์ โครงข่ายประสาทเทียม ระบบจำลอง ระบบเสมือนจริง โดยพยายามนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้นลดข้อผิดพลาดและป้องกันไม่ให้นำไป ใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมาย แนวโน้มในด้านบวก • การพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมโยงกันทั่วโลก ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ช่องทางการดำเนินธุรกิจ เช่น การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การผ่อนคลายด้วยการดูหนัง ฟังเพลง และบันเทิงต่างๆ เกมออนไลน์ • การพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถฟังและตอบเป็นภาษา พูดได้ อ่านตัวอักษรหรือลายมือเขียนได้ การแสดงผลของคอมพิวเตอร์ได้เสมือนจริง เป็นแบบสามมิติ และการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส เสมือนว่าได้อยู่ในที่นั้นจริง • การพัฒนาระบบสารสนเทศ ฐานข้อมูล ฐานความรู้ เพื่อพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญและการจัดการความรู้ • การศึกษาตามอัธยาศัยด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-learning) การเรียนการสอนด้วยระบบโทรศึกษา (tele-education) การค้นคว้าหาความรู้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงจากห้องสมุดเสมือน (virtual library) • การพัฒนาเครือข่ายโทร คมนาคม ระบบการสื่อสารผ่านเครือข่ายไร้สาย เครือข่ายดาวเทียม ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ทำให้สามารถค้นหาตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ • การบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่ายการสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ ดำเนินการของภาครัฐที่เรียกว่า รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-government) รวมทั้งระบบฐานข้อมูลประชาชน หรือ e-citizen
146268 ผู้เข้าชม
ต้องยอมรับว่าทันทีที่โลกก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 ทุกสิ่งทุกอย่างก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายและรวดเร็ว นั่นรวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางอาชีพ และการปฎิวัติทางการทำงานที่ทุกฝ่ายต้องปรับตัวกันขนานใหญ่ตั้งแต่ตัวองค์กรเองไปจนถึงพนักงานทุกระดับ
2448 ผู้เข้าชม
หลาย ๆ ท่านคงคุ้นเคยกับแนวคิดการบริหารคนจากต่าง Gen กัน วันนี้เราจะสรุปไว้เป็น 4 Gen และจะดูไปด้วยกันว่าในแต่ ละวัฒนธรรม (ไทยญี่ปุ่น จีน อเมริกัน) นั้นมีลักษณะแต่ละ Gen เหมือนหรือต่างกันอย่างไรด้วยครับ โดยการแบ่ง Gen ไมได้ หมายความว่ามี เส้นแบ่งโดย เด็ดขาด ว่า Gen ไหนก็จะต้องเป็นแบบนั้น แต่เป็นการบอกแนวโน้ม บอกความน่าจะเป็น ของกลุ่มคนโดยส่วนใหญ่ใน Gen นั้นเท่านั้น การแบ่ง นั้น บางตําราแบ่งเป็น 8 Gen คือ ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง มี 3 Gen และหลังสงครามโลกครั้งที่สอง มี 5 Gen รวมกันเป็น 8 Gen แต่บางตำราแบ่งเป็น 5 Gen คือเหมารวมพวกก่อนสงครามโลกครั้งที่สองเป็น 1 Gen และ พวกหลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็น 4 Gen
3292 ผู้เข้าชม
Get started for free today. DEMO FREE 60 DAYS
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์