• หน้าแรก

  • HR Articles (hide)

  • กลยุทธ์สร้างสุขภาวะที่ดีให้กับออฟฟิศคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิตอล

กลยุทธ์สร้างสุขภาวะที่ดีให้กับออฟฟิศคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิตอล

  • หน้าแรก

  • HR Articles (hide)

  • กลยุทธ์สร้างสุขภาวะที่ดีให้กับออฟฟิศคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิตอล

กลยุทธ์สร้างสุขภาวะที่ดีให้กับออฟฟิศคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิตอล

นอกจากกลยุทธ์ในการทำธุรกิจแล้ว กลยุทธ์ในการดูแลบุคลากรในด้านต่างๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน องค์กรอาจใช้กลยุทธ์นี้ขับเคลื่อนธุรกิจร่วมกับกลยุทธ์อื่นๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิผลที่ดีที่สุดต่อองค์กรได้ ลองมาดูกันดีกว่าว่าจะมีกลยุทธ์อะไรน่าสนใจกันบ้าง

การสร้างออฟฟิศแบบเปิด (Open Space Office)

เราจะเห็นองค์กรยุคใหม่ส่วนใหญ่ใช้กลยุทธ์การออกแบบออฟฟิศให้เป็นแบบเปิด หรือแม้แต่องค์กรยุคเก่าที่ลุกขึ้นมาปฎิวัติตนเองหันมาสร้างออฟฟิศแบบเปิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ ข้อดีของการทำออฟฟิศแบบเปิดโดยไร้แผงกั้น (หรือใช้แผงกั้นแบบต่ำเพื่อให้พนักงานเห็นหน้ากันและเห็นทั่วออฟฟิศ) นี้ก็เพื่อให้ทุกคนในออฟฟิศสามารถเชื่อมต่อกันได้ ไม่รู้สึกอึดอัด ไม่เก็บตัว และไม่เครียดกับการทำงาน ออฟฟิศแบบเปิดยังเปิดวิสัยทัศน์ ให้มองไปไกลๆ ได้ สามารถพักผ่อนสายตาได้ในระหว่างทำงาน และส่งเสริมให้คนมีปฎิสัมพันธ์ในออฟฟิศมากขึ้นได้ด้วย องค์กรยุคใหม่ที่ทำออฟฟิศแบบเปิดก็มักจะตกแต่งออฟฟิศอย่างสวยงามไปในตัว ซึ่งยุคปัจจุบันนี้ไม่มีรูปแบบตายตัวในการตกแต่งแต่อย่างใด บางออฟฟิศนั้นตกแต่งไม่ต่างจากการตกแต่งบ้านที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย บางออฟฟิศตกแต่งเท่ทันสมัยที่ทำให้รู้สึกสนุกกับการทำงานได้เพิ่มขึ้น ส่งเหล่านี้สามารถสร้างความสุขในการทำงานได้ดี สร้างสีสันชีวิตชีวาในการทำงานได้เช่นกัน ตลอดจนสร้างสุขภาวะให้กับพนักงานได้อีกด้วย

การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ดีต่อสุขภาพ (Health & Wellness Office Furniture)

สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับออฟฟิศที่ต้องใส่ใจมากก็คือการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ดีต่อสุขภาพพนักงานด้วย เมื่อก่อนบริษัทส่วนใหญ่อาจจะละเลยส่วนนี้ไป แต่การทำงานยุคใหม่ ประกอบกับโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) เริ่มกลายเป็นปัญหาใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับพนักงานออฟฟิศทั้งหลาย นั่นทำให้องค์กรต่างๆ หันมาใส่ใจในการเลือกเก้าอี้นั่นในการทำงานไปจนถึงโต๊ะทำงานที่เหมาะสมแก่การทำงานมากขึ้น

คนวัยทำงานส่วนใหญ่นั้นมีชีวิตอยู่ในออฟฟิศมากที่สุด การนั่งทำงานอย่างสบายและมีสุขภาพวะที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนี่คืออุปกรณ์ที่พวกเขาต้องใช้มากที่สุด การเลือกเก้าอี้ในการทำงานนั้นควรเป็นก้าวอี้ที่นั่งสบาย และดีต่อสุขภาพ คือมีการออกแบบรองรับสรีระในการนั่งทำงานอย่างเหมาะสม เพื่อลดอาการปวดหลัง เอว ก้นกบ หรือทำให้กระดูกสันหลังคด โต๊ะทำงานก็มีความสำคัญเช่นกัน ระดับความสูงควรเหมาะสม การออกแบบต้องคำนึงถึงการยกแขนในระดับที่ไม่ทำให้เมื่อยล้าจนเกินไป ตลอดจนรายละเอียดอื่นๆ อีกมากมาย

อย่างไรก็ดียังมีออฟฟิศสมัยใหม่ที่ใส่ใจภาพลักษณ์ออฟฟิศที่ดีและเก๋ ตกแต่งออฟฟิศให้เท่โดยมองจากภาพาลักษณ์เป็นหลักมากกว่ามองคุณภาพของเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะกับการทำงาน นั่นอาจสร้างภาพของออฟฟิศที่ดูดี ดูเท่ ดูชิค น่าทำงาน แต่ระยะยาวอาจสร้างสุขภาวะที่แย่ให้กับพนักงานได้เช่นกัน แต่ในขณะเดียวกันการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ออฟฟิศในยุคนี้ก็พัฒนาไปไกล หลายบริษัทที่ทำธุรกิจด้านนี้ก็มีการออกแบบเก้าอี้สำนักงานที่เก๋ ทันสมัย แถมยังดีต่อสุขภาพ และเสริมสุขภาวะการทำงานอีกด้วย ในส่วนนี้คงเป็นเรื่องรับผิดชอบขององค์กรที่ต้องคัดสรรเฟอร์นิเจอร์ให้ดีและเหมาะสมกับการทำงานและสุขภาพของพนักงานนั่นเอง

ทำงานนอกสถานที่ (Remote Working)

บริษัทยุคใหม่มักไม่ซีเรียสเรื่องเวลาหรือสถานที่ทำงาน มักให้อิสระกับพนักงานในการทำงาน โดยคำนึงถึงผลลัพธ์เป็นหลักมากการระบบ หลายองค์กรนำเอากลยุทธ์ Remote Working มาใช้ ทั้งแบบไม่มีข้อกำหนดใดๆ ไปจนถึงการการผสมผสานกับระบบทำงานปกติ อย่างเช่น 1 วันต่อสัปดาห์สามารถไปทำงานที่ไหนก็ได้โดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศ เป็นต้น

กลยุทธ์นี้ก็เพื่อให้พนักงานมีอิสระในการทำงานโดยที่ไม่ต้องอยู่กับสภาพแวดล้อมเดิมๆ ทุกวัน สามารถเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานได้หลากหลายตามความต้องการของตนเอง ใครที่เบื่อบรรยากาศออกฟฟิศก็สามารถเลือกไปนั่งในที่ที่ชอบ ที่ที่ส่งเสริมการทำงานได้ อย่างเช่น ร้านกาแฟ, ห้องสมุด หรือแม้แต่ Co-Working Space ก็ตาม หรือแม้แต่บางคนก็อาจมีมุมส่วนตัวสำหรับนั่งทำงานที่บ้านที่ชอบก็ได้ นั่นส่งผลให้สุขภาพจิตดีขึ้น กระตุ้นการทำงานได้ดีขึ้นเช่นกัน การเปลี่ยนบรรยากาศยังช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย ลดความเบื่อหน่ายทำให้เราสนุกกับการทำงานได้มากขึ้นได้ หรือบางคนอาจเลือกใช้สิทธิ์ไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ แต่เอางานไปทำด้วย ได้วันพักผ่อนเพิ่ม และได้เปลี่ยนบรรยากาศการทำงานไปพร้อมการพักผ่อน เป็นการรีเฟรชชีวิตตลอดจนวิถีการทำงานที่ยอดเยี่ยมทีเดียว

จัดสรรโซนบันเทิงเพื่อการสันทนาการ (Entertainment Zone)

บริษัทยุคก่อนแยกความบันเทิงออกจากออฟฟิศโดยสิ้นเชิง การเล่นเกมออนไลน์หรือแม้กระทั่งการเล่นกีฬาในออฟฟิศถือเป็นเรื่องผิดกฎและอาจโดนลงโทษเลยก็ว่าได้ แต่นั่นไม่ใช่สำหรับออฟฟิศยุคดิจิทัลที่เริ่มผสานไลฟ์สไตล์ที่สร้างสุขภาพจิตที่ดีมาเข้ากับออฟฟิศให้เป็นเรื่องเดียวกัน และให้พนักงานบริหารเวลาของตนเองได้ตามสะดวก

การคร่ำเคร่งกับการทำงานอย่างเอาเป็นเอาตายในยุคก่อนอาจสร้างผลเสียให้กับคุณภาพชีวิตในระยะยาว ยุคนี้องค์กรส่วนใหญ่จึงหันมาส่งเสริมให้พนักงานพักผ่อนและผ่อนคลายในการทำงานไปด้วย องค์กรยุคใหม่หรือหลายองค์กรใหญ่ๆ เริ่มผสานกิจกรรมสันทนาการเข้ามาเป็นสวัสดิการหนึ่งในออฟฟิศ อย่างเช่น ห้องดูหนัง, ห้องเล่นเกม, ห้องกีฬา, ห้องอ่านการ์ตูน, หรือแม้แต่ห้องเล่นดนตรี ให้พนักงานได้เบรกไปพักผ่อน คลายเครียด ผ่อนคลายจากการทำงานได้ เมื่อพนักงานได้รีเฟรชตัวเองก็จะกลับไปทำงานได้ดียิ่งขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่เก็บกด หรือส่งผลเสียต่อการทำงาน กลยุทธ์นี้คนรุ่นใหม่มักจะชอบ และเป็นหนึ่งในสวัสดิการที่พนักงานทั้งหลายอยากให้มีในออฟฟิศของตนมากที่สุดด้วย

การประชุมที่ไม่น่าเบื่อ (Energetic Meeting)

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าการประชุมเป็นหนึ่งในระบบการทำงานสำคัญของบริษัทในทุกรูปแบบ องค์กรในยุคดิจิทัลนี้ก็เลยมักมีการสร้างสรรค์การประชุมไปในหลากหลายรูปแบบเพื่อลดความน่าเบื่อของกิจวัตรที่หลายๆ คนไม่ชอบ ตลอดจนสร้างเสริมความกระปรี้กระเปร่าในการประชุมให้บุคลากรมีประสิทธิภาพในการเข้าร่วมมากขึ้น

หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญในยุคนี้ก็คือการสร้างสรรค์ห้องประชุมให้ครีเอทีฟ สนุกสนาน ทันสมัย แตกต่างไปจากห้องประชุมยุคก่อนๆ การออกแบบห้องประชุมมีการคิดอย่างละเอียดรอบคอบตั้งแต่การเลือกสีที่ช่วยกระตุ้นการตื่นตัว, การเลือกเก้าอี้ประชุมที่นั่งสบายๆ, ไปจนถึงการตกแต่งในรูปแบบต่างๆ ที่หลุดกรอบห้องประชุมเดิมๆ อย่างเช่นการสร้างธีมห้องประชุมแปลกๆ อาทิ ห้องประชุมธีมอวกาศ, ห้องประชุมธีมป่าไม้และธรรมชาติเขียวขจี, ห้องประชุมที่เหมือนห้องรับแขกในบ้าน, ห้องประชุมที่ไม่มีโต๊ะ สามารถนอน นั่ง หรือเอกเขนกได้ตามสะดวก เป็นต้น เพื่อสร้างความผ่อนคลาย ตลอดจนกระตุ้นพลังให้เกิดการอยากสนทนา และไม่เบื่อในการเข้าประชุม

บางบริษัทมีบรรยากาศการประชุมให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ห้องประชุมที่ปิดมิดชิด, ห้องประชุมแบบเปิด พื้นที่โล่ง นั่งชิลล์ หรือแม้แต่โต๊ะประชุมในสวนท่ามกลางธรรมชาติ เป็นต้น เพื่อให้บรรยากาศการประชุมไม่อึดอัด เครียด สร้างความผ่อนคลาย ตลอดจนสร้างบรรยากาศให้เหมือนกับการนั่งพูดคุยกับเพื่อน หรือมานั่งพักเบรกระหว่างการทำงาน นั่นก็อาจช่วยให้การประชุมมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้

การออกกำลังกายเพื่อผ่อนคลายในรูปแบบต่างๆ (Variety of Exercises)

การส่งเสริมให้พนักงานออกกำลังกายเป็นกลยุทธิ์หนึ่งที่ดีต่อองค์กรเป็นอย่างมาก นอกจากจะส่งเสริมให้พนักงานมีสุขภาพที่ดีแล้วก็ยังทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากขึ้นด้วย รวมถึงเป็นสวัสดิการที่ดีที่ช่วยดึงดูดให้คนอยากเข้ามาร่วมงานกับบริษัทได้อีกด้วย

กลยุทธ์ด้านการออกกำลังกายก็มีตั้งแต่การสร้างพื้นที่ออกกำลังกายไว้ให้ออฟฟิศ, การจัดคลาสออกกำลังกายให้พนักงานออฟฟิศ, หรือหากงบประมาณจำกัด ตลอดจนพื้นที่จำกัด ก็อาจให้เป็นสวัสดิการด้านสมาชิกฟิตเนสที่ไปใช้บริการตามฟิตเนสอื่นๆ ได้ เป็นต้น เพื่อให้พนักงานผ่อนคลายจากการทำงาน คลายจากความเครียด และเสริมสร้างสุขภาพที่ดีไปในตัว

พื้นที่สีเขียว (Green Space)

ธรรมชาตินั้นสามารถบำบัดเยียวยามนุษย์ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ แค่เราหันไปมองสีเขียวของต้นไม้ หรือสูดอากาศบริสุทธิ์จากแมกไม้ ไปจนถึงออกไปเดินในสวนที่จะช่วยสร้างความกระปรีกระเปร่าให้กับชีวิตได้ องค์กรขนาดใหญ่ที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพและวิถีชีวิตที่มีคุณภาพของบุคลากรนั้นอาจมีสวนสาธารณะอยู่ในองค์กรเพื่อให้ได้พักผ่อนกัน หรือเนรมิตรโซนสีเขียวในองค์กร นำเอาพืชพรรณต่างๆ มาปลูกและประดับตกแต่ง เพื่อสร้างสีเขียวให้เกิดขึ้น มอบสุขภาพที่ดีให้กับพนักงาน

หลายองค์กรที่อาจไม่มีพื้นที่พอในส่วนนี้ก็อาจมีการส่งเสริมหรืออนุญาตให้พนักงานนำต้นไม้เล็กๆ มาประดับตกแต่งโต๊ะทำงานของตนได้ ธรรมชาติเพียงเล็กๆ น้อยๆ นี้อย่ามองข้ามทีเดียว เพราะมันสามารถช่วยให้เราเยียวยาจากวิถีชีวิตออฟฟิศได้อย่างดีทีเดียวล่ะ

พื้นที่แห่งความเงียบสงบและห้องปฎิบัติสมาธิ (Silent Space & Meditation Room)

เรื่องนี้หลายออฟฟิศอาจมองข้ามหรือนึกไม่ถึง แต่หลายออฟฟิศที่เข้าใจตรงจุดนี้มักจะจัดพื้นที่ให้พนักงานได้สงบจิตสงบใจด้วยเช่นกัน ซึ่งการทำสมาธิกำลังเป็นเทรนด์นิยมในโลกตะวันตกมากขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นการพักผ่อนร่างกาย พักเบรกในชีวิต ที่สามารถสร้างพลังให้กับร่างกายและจิตใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากทีเดียว

องค์กรอาจจัดโซนที่เป็นห้องเงียบๆ ตลอดจนห้องในการปฎิบัติสมาธิ ให้พนักงานได้อยู่กับตัวเอง พักผ่อนทางใจและกาย ซึ่งบางเวลาพนักงานอาจต้องการพักผ่อนโดยการอยากอยู่เงียบๆ อยู่นิ่งๆ ที่ไม่มีอะไรรบกวน เพราะวิถีชีวิตของคนเราทุกวันนี้ต่างมีสิ่งที่รบกวนชีวิตตลอดเวลามากมาย การปลีกเวลาไปอยู่กับตัวเอง ไปอยู่นิ่งๆ เงียบสงบ ไม่มีอะไรรบกวน บางครั้งก็ช่วยเพิ่มพลังให้กับชีวิตได้อย่างไม่น่าเชื่อทีเดียว

อาหารเพื่อสุขภาพ (Health Food)

ยุคนี้อาหารรอบตัวต่างก็เป็นพิษต่อร่างกายได้เช่นกัน พนักงานออฟฟิศมีความเสี่ยงในการกินอาหารที่ไม่ดีและไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพสูง ทั้งเพื่อความสะดวกสบายที่อาจซื้ออาหารแช่ในร้านสะดวกซื้อกินเป็นประจำ, หรือจากร้านอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ, ตลอดจนร้านอาหารที่ไม่คำนึงถึงวัตถุดิบที่มีคุณภาพดี เป็นต้น สิ่งเหล่านี้สร้างสุขภาพวะที่ยำแย่ให้กับร่างกายและจิตใจได้โดยไม่รู้ตัวเลยทีเดียว

ออฟฟิศยุคใหม่หลายออฟฟิศที่ใส่ใจในเรื่องนี้อาจนำเอากลยุทธ์อาหารกลางวันมาเป็นสวัสดิการให้พนักงาน คัดเลือกอาหารที่ดีมีคุณภาพ มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายมาบริหารให้พนักงาน หรือองค์กรขนาดเล็กอาจมีบริการสั่งอาหารสุขภาพไว้รองรับพนักงานก็ได้ โดยขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคนเช่นกัน ซึ่งการที่ได้กินอาหารที่ดีและมีประโยชน์จะช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกายที่ดี ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานได้เช่นกัน ในทางตรงกันข้าม การไม่ใส่ใจในการกิน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ หากร่างกายย่ำแย่ ประสิทธิภาพในการทำงานย่อมลดลงแน่นอน

วันหยุดพักผ่อนและการท่องเที่ยวขององค์กร (Vacation & Outing)

การรีเฟรชร่างกายที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งก็คือการไปเที่ยว ซึ่งช่วยฟื้นฟูได้ตั้งแต่สภาพร่างกายไปจนนถึงสภาพจิตใจ การไปเที่ยวในที่นี้จะพูดถึงระดับนโยบายขององค์กร ไม่ได้โฟกัสไปที่การท่องเที่ยวรายบุคคล องค์กรยุคดิจิทัลหลายองค์กรใช้กลยุทธ์นี้มาดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้อยากมาร่วมทำงานด้วย โดยมกัจะมีการจัดทริปท่องเที่ยวของออฟฟิศเสมอๆ ทั้งแบบกึ่งทางการที่ไปร่วมกันแต่ออกค่าใช้จ่ายกันเอง ไปจนถึงทริป Outing อย่างเป็นทางการของบริษัทที่ทุกคนไปร่วมกันแต่บริษัทออกค่าใช้จ่ายให้หมดทุกอย่าง นอกจากจะช่วยให้พนักงานได้ผ่อนคลาย พักผ่อน เปลี่ยนบรรยากาศแล้ว ก็ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ของบุคลากรในบริษัทได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

นโยบายวิถีชีวิตเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Policy)

วิถีชีวิตที่ยั่งยืนกำลังเป็นเทรนด์สำคัญของโลกที่กระตุ้นให้ทุกคนหันมาใส่ใจความยั่งยืนของมนุษย์และสภาพแวดล้อมให้มากขึ้น เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายสภาพแวดล้อม ไม่ใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง ไม่สร้างความเสื่อมเสียให้กับธรรมชาติและโลกใบนี้ ใช้ทรัพยากรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงงานสะอาด ลดการใช้พลังงานจากฟอซซิล สิ่งเหล่านี้อาจดูเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ แต่ทุกคนต้องร่วมมือช่วยกันดูแลรักษาโลกใบนี้ของเรา เพื่อให้ใช้ชีวิตและมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น

องค์กรระดับใหญ่หลายองค์กรของโลก โดยเฉพาะองค์กรที่เป็นผู้นำทั้งหลายต่างก็เริ่มหันมาใส่ใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งองค์กรเหล่านี้มักใส่ใจตั้งแต่พฤติกรรมไปจนถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเพื่อสร้างยวิถีที่ยั่งยืน ซึ่งหากทำกันจริงจังและครบวงจรแล้วนั้นต้องใช้เงินมหาศาล แต่ก็สามารถสร้างคุณภาพชีวิตให้กับพนักงานตลอดจนประชากรโลกได้ สิ่งที่ได้รับผลตามมาคือองค์กรได้รับความน่าเชื่อถือ องค์กรมีคนอยากมาร่วมทำงานด้วย มีโอกาสได้คนดีๆ เก่งๆ เข้ามาทำงานด้วย และสินค้าตลอดจนผลิตภัณฑ์อาจขายดีขึ้นจากภาพลักษณ์องค์กรที่ดี

บทสรุป

เพราะทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งที่มีคุณค่าและสำคัญที่สุดสำหรับองค์กร การใส่ใจเรื่องสุขภาวะของพนักงานที่ดีนั้นคือมิติหนึ่งในการสร้าง Work-Life Balance ที่ดีได้ด้วยเช่นกัน การใส่ใจดูแลบุคลากรให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีจะทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานและการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้นได้ด้วย เพิ่มศักยภาพในการทำงานได้มากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลย และส่งผลดีต่อความสำเร็จขององค์กรได้เป็นอย่างดีทีเดียว

อย่างไรก็ตามนอกจากที่นำเสนอไปแล้ว ก็ยังมีกลยุทธ์ต่างๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย รวมถึงเกิดการสร้างสรรค์กลยุทธ์ไปจนถึงนโยบายองค์กรใหม่ๆ ขึ้นเรื่อยๆ เพื่อส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของการทำงานและคุณภาพชีวิตที่ดีของบุคลากรให้เพิ่มขึ้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ดีที่ได้รับผลประโยชน์กันทุกฝ่าย ทั้งนี้องค์กรสามารถใส่ใจสุขภาวะที่ดีของพนักงานได้ตั้งแต่ระดับปฎิบัติการ สวัสดิการ กลยุทธ์ ไปจนถึงนโยบายองค์กร นอกจากมันจะสะท้อนความใส่ใจของอค์กรที่มีต่อบุคลากรได้แล้ว มันยังสะท้อนถึงความรับผิดชอบทางสังคมได้ในคราวเดียวกันด้วย แล้วยังช่วยสร้างคุณค่าตลอดจนภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรได้อีกทางหนึ่งด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดแล้วไม่เพียงแต่พนักงานทุกคนจะได้รับผลประโยชน์เท่านั้น แต่มันเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพที่ส่งผลให้ธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนได้ในที่สุดเช่นกัน

สามารถอ่าน บทความเกี่ยวกับHR และ บทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี้

ที่มา : th.hrnote.asia

 2509
ผู้เข้าชม
ทำเว็บธุรกิจ ทําเว็บขายของ ออกแบบเว็บไซต์ เว็บไซต์สำเร็จรูป SoGoodWeb

HR Articles

กองทุน SSF (Super Savings Fund) รูปแบบใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งนอกจากจะลดหย่อนภาษีได้แล้ว ยังช่วยให้คนออมระยะยาวขึ้น ใครอยากทราบว่า SSF มีเงื่อนไขต่างจากกองทุน LTF อย่างไร ลองมาทำความเข้าใจกัน
3543 ผู้เข้าชม
เงินเดือนเท่าไหร่ต้องเสียภาษี? เป็นอีกหนึ่งคำถามที่หลายคนสงสัยอยู่บ่อยๆ ถึงกับขั้นไปค้นหาใน Google กันจนฮิตติดกระแส แต่ความเป็นจริงแล้วมีหลักการคิดแบบนี้จ้า
1062 ผู้เข้าชม
ในชีวิตประจำวันของมนุษย์เงินเดือนที่มีรายจ่ายมากมายก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีกันได้ถ้าหากเราบริหารจัดการอย่างเป็นระบบและเข้าใจก็จะทำให้ประหยัดไปหลายบาทเลยทีเดียว และที่สำคัญการวางแผนประกันลดหย่อนภาษีก็เป็นอีกเรื่องที่มนุษย์เงินเดือนควรวางแผนให้ดีเช่นกัน
1574 ผู้เข้าชม
ผู้ประกันตนที่เกษียณจากการทำงาน ควรจะวางแผนและดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ “สิทธิรับเงินบำนาญชราภาพ” คุ้มค่ามากที่สุด ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจและปฏิบัติให้ถูกต้อง
2924 ผู้เข้าชม
Get started for free today. DEMO FREE 60 DAYS
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์