หัวหน้างานมักกังวัลเกี่ยวกับแรงจูงใจในการทำงานของลูกน้องว่าจะทำอย่างไรให้พวกเขาทำงานกันได้อย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันหัวหน้างานก็มักจะไม่ค่อยรู้วิธีสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับพนักงานเลย แล้วทางออกที่ดีควรทำอย่างไร เรามี 10 ไอเดียดีๆ ที่จะมาแนะนำ ซึ่งจะทำให้พนักงานมีแรงจูงใจในการทำงานเพิ่มมากขึ้นได้
วิธีนี้เป็นวิธีอย่างหนึ่งที่สร้างแรงจูงใจให้กับพนักงาน ส่งเสริมและสนับสนุนให้พวกเขามีความรู้ ตลอดจนมีทักษะเพิ่มมากขึ้น ทำให้เขาเกิดความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ตลอดจนพัฒนาในสายอาชีพของตน โดยการจัดการอมรมนั้นมีหลากหลายวิธีดังนี้
สวัสดิการและสิทธิพิเศษต่างๆ สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างแรงจูงใจในการทำงานได้ หัวหน้างานสามารถใช้สวัสดิการและสิทธิพิเศษที่เหมาะสมในการเป็นเครื่องมือสร้างแรงจูงใจกับลูกน้องได้ หรือองค์กรเองก็สามารถจัดสรรเรื่องนี้เพื่อเป็นแรงจูงใจพนักงานได้เช่นกัน เช่น
การที่พนักงานทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพนั้นการให้คำชมอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ องค์กรอาจให้สิ่งตอบแทนเพิ่มเติมที่แสดงถึงการขอบคุณจากองค์กร เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ โดยของขวัญนั้นควรเป็นของพิเศษที่องค์กรจัดทำขึ้นโดยเฉพาะ หาซื้อที่ไหนไม่ได้ เป็นการแสดงถึงการมอบของรางวัลที่ล้ำค่าให้กับพนักงานที่ตอบแทนองค์กรได้ดีด้วยเช่นกัน ความล้ำค่านี้อาจไม่ได้อยู่ที่ราคาเป็นหลัก หากแต่อยู่ที่ความตั้งใจขององค์กรที่จะทำของขวัญพิเศษนั้นขึ้นมา อาทิ
คำพูดเป็นเสมือนดาบสองคม บางทีอาจส่งผลในทางบวก บางทีอาจส่งผลในทางลบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกาลเทศะและสถานการณ์แต่ละครั้งได้เหมือนกัน ควรหลีกเลี่ยงคำพูดที่มีความหมายในทางลบ คำพูดประชดประชัน การเหน็บแนม หรือนินทาว่าร้าย ควรพูดในเชิงบวก พูดด้วยไมตรี สุภาพ พูดบนพื้นฐานของความหวังดี ไม่พูดโกหก
ขณะเดียวกันก็ควรหลีกเลี่ยงการพูดที่แสดงอำนาจเกิดความจำเป็น อย่างเช่น พูดเชิงออกคำสั่ง ดุด่าว่ากล่าว เสียงดังโดยไม่จำเป็น เป็นต้น การพูดที่ดีอีกอย่างคือลักษณะของการพูดเชิงสร้างสรรค์ อย่างการพูดให้กำลังใจ การพูดชมเชยเมื่อทำงานได้ดี และพูดปลอบโยนให้กำลังใจในยามที่ทำงานผิดพลาด ไม่ซ้ำเติม หรือให้คำปรึกษาในยามที่เกิดความกังวล ตลอดจนการพูดขอบคุณที่ให้การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
สภาพแวดล้อมในการทำงานมีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะสร้างแรงจูงใจในการทำงานที่ดี กระตุ้นให้เกิดการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ลดความเบื่อหน่ายกับสภาพแวดล้อมเดิมๆ ซึ่งการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ดีขึ้นนั้นมีหลายวิธี เช่น
การเพิ่มเวลาส่วนตัวให้พนักงาน ตลอดจนเพิ่มเวลาพักผ่อนให้กับบุคลากรในองค์กรให้ผ่อนคลายมากขึ้น ก็เป็นการสร้างพลังในการทำงานที่ดี
หัวหน้างานตลอดจนฝ่ายทรัพยากรบุคคลควรวิเคราะห์ลักษณะนิสัย บุคลิกภาพ และความต้องการของพนักงานแต่ละคนได้ แน่นอนว่าทุกคนมีความแตกต่างกัน แต่เราก็ควรเรียนรู้ความเฉพาะเจาะจงของแต่ละคนให้ได้มากที่สุด ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์ในการสร้างแรงจูงใจส่วนบุคคลได้แตกต่างกันด้วย วิธีการหนึ่งอาจจะไม่เหมาะกับอีกคนหนึ่ง แต่วิธีการหนึ่งอาจจะเหมาะกับคนอีกประเภทหนึ่ง
สิ่งเหล่านี้ควรทำความเข้าใจให้ดี และควรใช้ในการสร้างแรงจูงใจให้พนักงานให้เกิดประโยชน์ อย่างเช่น หากรู้ว่าพนักงานคนนี้มีความกระตือรือร้นในการทำงาน เราก็อาจจะมอบหมายงานที่มีความรับผิดชอบสูงให้ ในขณะเดียวกันก็ต้องตอบแทนความสำเร็จที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน หรือพนักงานบางคนชอบคิดวิเคราะห์ ละเอียดละออ ถี่ถ้วน ใช้เวลานาน ก็ควรมอบงานที่เกี่ยวกับการตรวจสอบ ให้เวลาในการทำงาน ไม่ใช่ให้งานที่ต้องการความไวและรวดเร็ว เป็นต้น
การให้เกียรติพนักงานเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ควรพูดจาด้วยน้ำเสียงที่ดี แสดงความจริงใจ มีไมตรี เปิดใจ สามารถให้คำปรึกษาได้ในยามที่มีปัญหา และต้องแสดงให้พนักงานเห็นว่าทุกคนมีความสำคัญกับองค์กรเช่นกัน การพูดคุยต่อกันไม่ควรแสดงกิริยาก้าวร้าว พูดจาเอะอะโวยวาย ยกตนข่มท่าน แสดงอำนาจ เพราะจะทำให้พนักงานเกิดความหวาดกลัว หรือไม่ก็หมดศรัทธา ไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ หมดกำลังใจในการทำงานได้ การให้เกียรติซึ่งกันและกันจะทำให้เคารพซึ่งกันและกัน และส่งเสริมกำลังใจซึ่งกันและกันในการทำงานได้ด้วย
องค์กรตลอดจนบุคลากรทุกคนควรมีความยุติธรรม โดยเฉพาะหัวหน้างานที่ต้องไม่ลำเอียง ไม่เลือกปฎิบัติ ไม่เป็นธรรม ไม่ให้ความเท่าเทียม ตลอดจนไม่ใส่ใจคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือไม่ละเลยใส่ใจคนใดคนหนึ่งเลยเพียงเพราะไม่ถูกใจตน หากหัวหน้างานไม่เกิดความยุติธรรม ก็ย่อมทำให้การทำงานเกิดปัญหาได้ ความสัมพันธ์ภายในทีม หรือระหว่างทีมอื่น เกิดปัญหา ตลอดจนสร้างความไม่น่าเชื่อถือ ไม่น่านับถือ การมีความยุติธรรม ปฎิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกันก็ย่อมสร้างแรงจูงใจที่ดีในการทำงานได้เช่นกัน
การที่องค์กรตลอดจนหัวหน้างานทำให้พนักงานรู้สึกว่าเขาก็เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร มีความสำคัญกับองค์กรเหมือนกันทุกคน ตลอดจนมีความรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรร่วมกัน ย่อมสร้างแรงจูงใจที่จะทำให้ทุกคนตั้งใจทำงานได้ ทุ่มเทและจริงใจในการทำงาน เสียสละเพื่อองค์กรและส่วนร่วม ร่วมกันพัฒนาองค์กรให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น และร่วมกันผลักดันองค์กรให้ประสบความสำเร็จ ตลอดจนภูมิใจกับความสำเร็จร่วมกัน การไว้วางใจองค์กร ในขณะที่องค์กรก็ไว้วางใจบุคลากร จึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะทำให้องค์กรยืนอยู่ในระยะยาวได้
ทราบเคล็ดลับกันอย่างนี้แล้ว องค์กรตลอดจนหัวหน้างานอาจจะเริ่มมีการสำรวจตนเองไปจนถึงลูกน้องในที่ทำงานมากขึ้นว่าเรามีความใส่ใจซึ่งกันและกันมากน้อยเพียงไร งานที่กำลังทำกันอยู่ประสบความสำเร็จหรือไม่ หรือมีศักยภาพพอหรือเปล่าที่จะขับเคลื่อนองค์กรร่วมกัน รวมถึงการสร้างแรงจูงใจอย่างไรให้ทกุคนเกิดแรงบันดาลใจในการทำงานร่วมกัน และขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวหน้า พัฒนาสู่ความสำเร็จ
สามารถอ่าน บทความเกี่ยวกับHR และ บทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี้
ที่มา : th.hrnote.asia