หน้าที่พัฒนาพนักงาน เป็นหน้าที่ของใคร?

หน้าที่พัฒนาพนักงาน เป็นหน้าที่ของใคร?

ก็ยังได้รับคำถามในแนวนี้อยู่ ก็คือ หน้าที่ในการพัฒนาพนักงานเป็นหน้าที่ของใครกันแน่ การที่จะส่งพนักงานไปอบรม หรือการที่เราจะวางแผนพัฒนาพนักงานในเรื่องใดนั้น ตกลงเป็นหน้าที่ใคร ระหว่าง ผู้จัดการที่เป็นหัวหน้างานโดยตรงของพนักงานคนนั้น กับฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคล


ยังมีผู้จัดการอีกหลายท่านที่ยังเข้าใจว่า หน้าที่ในการพัฒนาพนักงานนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของเขาในฐานะผู้จัดการ แต่ต้องเป็นหน้าที่ของฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคลต่างหาก


เวลาที่ฝ่ายบุคคลถามผู้จัดการไปว่า ปีนี้ จะวางแผนพัฒนาพนักงานในฝ่ายอย่างไรบ้าง ใครต้องการพัฒนาเรื่องอะไรให้แจ้งมาด้วย

ผู้จัดการก็จะตอบกลับมาว่า “มันไม่ใช้หน้าที่ผมนี่นา การพัฒนาพนักงานเป็นหน้าที่ของฝ่ายบุคคลมากกว่า ฝ่ายบุคคลต่างหากที่จะต้องเป็นฝ่ายที่มาบอกผมว่า พนักงานของผมจะต้องพัฒนาอะไรบ้าง”


สุดท้ายต่างคนต่างก็ชี้กันไปมา และบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ของตน สุดท้ายการพัฒนาพนักงานในองค์กรก็เลยขาดช่วงไป

แล้วจริงๆ การพัฒนาพนักงานนั้น เป็นหน้าที่ของใครกันแน่


คำตอบก็คือ ต้องเป็นหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายนี่แหละครับ ทั้ง HR และทั้งผู้จัดการสายงาน

แต่คนหลักที่จะเป็นคนวิเคราะห์ และเป็นคนบอกว่า พนักงานแต่ละคนจะต้องพัฒนาอะไรบ้างนั้น จะต้องเป็นผู้จัดการสายงานเป็นคนเริ่มต้นวิเคราะห์ให้ได้ก่อน เนื่องจาก

    • ผู้จัดการ เป็นผู้บังคับบัญชาของพนักงานโดยตรง ดังนั้น เขาจะต้องรู้ว่าพนักงานแต่ละคนตอนนี้ เป็นอย่างไรบ้าง ทั้ง ความรู้ ทักษะ และความสามารถต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน

    • ผู้จัดการเป็นผู้ที่ประเมินผลงานพนักงานโดยตรง ดังนั้น ย่อมรู้ว่าผลงานของพนักงานคนไหนดี ไม่ดีอย่างไร และมีข้อดี ข้อด้อยอย่างไร จุดแข็งจุดอ่อนอะไรบ้าง ฯลฯ

    • ผู้จัดการเป็นผู้ที่กำหนดเป้าหมายผลงานของพนักงาน การที่เราตั้งเป้าหมายให้พนักงาน และอยากให้พนักงานทำงานได้ตามเป้าหมายนั้นๆ ได้ ก็ต้องทราบว่า พนักงานแต่ละคนจะต้องพัฒนาอะไรบ้าง เพื่อให้การทำงานไปสู่เป้าหมายนั้นได้จริง

    ส่วนฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคลมีหน้าที่ในการ

    • วางระบบการพัฒนาพนักงานอย่างชัดเจน และเป็นขั้นตอน วางแนวทางในการพัฒนาบุคคลด้วยเครื่องมือต่างๆ เพื่อมั่นใจว่า บุคลากรในองค์กรจะได้รับการพัฒนาอย่างแท้จริง

    • กำหนด ความรู้ทักษะ และพฤติกรรมพื้นฐานในการทำงานในองค์กร และกำหนดนิยาม แนวทางในการแสดงออกซึ่งพฤติกรรม เพื่อให้ทุกคนในองค์กรมองภาพเดียวกัน และสามารถนำมาแปลงร่างเป็นสิ่งที่พนักงานจะต้องพัฒนาได้อย่างชัดเจน

    • ให้คำปรึกษาในเรื่องของวิธีการดูผลงานของพนักงาน วิธีการพิจารณาว่า ใครต้องพัฒนาอะไร เพราะผู้จัดการมือใหม่หลายคนยังไม่คล่องในการดูพนักงาน ก็ต้องได้รับการสอนและช่วยเหลืออยู่บ้าง

    • เป็นผู้หาหลักสูตร วิทยากรดีๆ เข้ามาให้ตรงกับสิ่งที่ผู้จัดการสายงานต้องการพัฒนาพนักงาน พัฒนาหลักสูตรที่ตรง และหาวิทยากร หรือ เครื่องมือในการพัฒนา เข้ามาใช้ในองค์กร

    • วางแผนปรับปรุงระบบการพัฒนาพนักงานอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มเติมเครื่องมือพัฒนาพนักงานในยุคใหม่เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ และส่งเสริมให้ผู้จัดการได้ทำการพัฒนาพนักงานด้วยตนเอง

    สรุปแล้วทั้งผู้จัดการสายงาน และฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคล ต่างก็ต้องรับผิดชอบในการพัฒนาพนักงาน คงจะเป็นหน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้อย่างแน่นอนครับ

    สามารถอ่าน บทความเกี่ยวกับHR และ บทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี้

    ที่มา : prakal.com

     3027
    ผู้เข้าชม
    ทำเว็บธุรกิจ ทําเว็บขายของ ออกแบบเว็บไซต์ เว็บไซต์สำเร็จรูป SoGoodWeb

    HR Articles

    ในช่วงนี้เป็นโค้งสุดท้ายของเทศกาลลดหย่อนภาษี แน่นอนว่าหลายๆคนก็คงจะมองหาทางเลือกในการออมและการลงทุนที่ทำให้เราได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุดกันอยู่แน่ๆ ทางเลือกหนึ่งในการลดหย่อนภาษีที่น่าสนใจก็คือการซื้อประกันเพราะนอกเหนือที่เราจะได้รับความคุ้มค่ากับสิทธิทางภาษีแล้ว เรายังได้รับความคุ้มครองจากความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเข้ามาอย่างไม่คาดฝันและสร้างผลกระทบทางการเงินให้กับเราและคนที่เรารักได้อีกด้วย
    839 ผู้เข้าชม
    มาทำความเข้าใจ เงินเดือนหรือรายได้สำหรับลดหย่อนภาษี นั้นมีอะไรบ้าง สำหรับเงินหรือรายได้ในแต่ละเดือนที่เรียกว่าเงินได้พึงประเมิน นั้นสามารถนำไปลดหย่อนหักลดภาษีได้อย่างไรบ้าง และสามารถแบ่งออกได้กี่ประเภทมีอะไรบ้าง
    1827 ผู้เข้าชม
    1.ไม่เป็นไร ผิดพลาดกันได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ทำงานผิดพลาดแล้วยังจะมานั่งโทษตัวเองให้เหนื่อยทำไม ให้กำลังใจตัวเองเพื่อทำงานชิ้นต่อไปดีกว่า ยิ่งเรามัวจมกับความผิดพลาดเดิม ๆ เราก็จะทำงานอื่นต่อไม่ได้ สู้เอาความผิดพลาดมาทำให้ถูกต้องในงานชิ้นใหม่ดีกว่า สัจธรรมของชีวิตที่ต้องจำไว้อย่างหนึ่งก็คือ ไม่มีใครจำเรื่องของคนอื่นนานหรอก ถึงใครจะว่าเรามากมายแค่ไหน แต่พอเดินพ้นหน้าเราไปเขาก็ต้องคิดเรื่องอื่นแทน แล้วเราจะมาลงโทษตัวเองอยู่ทำไม 2.งานไม่ได้หนักทุกวันสักหน่อย เดี๋ยวก็ได้พักแล้ว เวลางานล้นมือเราอาจท้อ แต่ท้อไปงานก็ไม่เสร็จ ลุกมาทุ่มเททำให้เสร็จ ๆ ไปดีกว่า เหนื่อยแค่ไหนเดี๋ยวก็ได้พัก และสิ่งที่เราต้องทำเมื่องานเยอะ คือจัดระเบียบเส้นตายของงานแต่ละชิ้น เจรจาต่อรองถ้าคิดว่าจะไม่เสร็จตรงเวลา แล้วก็ค่อย ๆ ทำไปทีละงาน เดี๋ยวดีเอง 3.ถึงจะไม่เก่งงานนี้ แต่เราก็พยายามเต็มที่แล้ว บ่อยครั้งที่เราได้รับมอบหมายงานที่ไม่ถนัด ก็คิดเสียว่าไม่เป็นไร ทำให้เต็มที่ แต่ก่อนทำก็บอกคนที่มอบหมายหน่อยว่าไม่ค่อยถนัดนะ แต่จะทำเต็มที่ ผิดพลาดอะไรก็บอกได้ เขาจะได้ไม่คาดหวังมาก แต่ถ้าทำออกมาแล้วดีก็ถือเป็นกำไร อย่าเสียใจที่ทำงานบางประเภทไม่เก่ง เพราะเราก็อาจจะเก่งในงานประเภทอื่นก็ได้ จำไว้ว่าปลาอาจจะว่ายน้ำเก่งกว่าลูกสุนัข แต่ปลาก็วิ่งไม่ได้เหมือนกัน ถ้าปลาตัวหน่งจะโดดขึ้นมาบนบกแล้วคืบคลานจนถลอกปอกเปิกก็คงไม่มีใครว่าอะไร เพราะมันเป็นปลาจริงไหม
    1183 ผู้เข้าชม
    “รู้ไหม มีลูกคนหนึ่งเปลืองเงินแค่ไหน” มิตรสหายที่มีลูกหลายคนของผม เริ่มบ่นแบบนี้เป็นเสียงเดียวกัน เมื่อมีโอกาสได้เจอะเจอกันกับผองเพื่อน เพราะพวกเขามองว่าการมีลูกนั้นมีต้นทุนอีกหลายอย่างตามมา
    1278 ผู้เข้าชม
    Get started for free today. DEMO FREE 60 DAYS
    สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์