หยุด 3 ทำงาน 4 Work-Life Balance จริงหรือ?

หยุด 3 ทำงาน 4 Work-Life Balance จริงหรือ?

 

วันนี้เราทำงานมากไปหรือเปล่า เรามีอะไรที่อยากทำในวันหยุดอีกหรือไม่ หรืออยากพักผ่อนต่ออีกสักหน่อย แล้วถ้าหากเราได้วันหยุดเพิ่มอีกหนึ่งวันล่ะจะดีไหม หลายคนอาจตั้งคำถามเหล่านี้ขึ้นในใจแบบเงียบ ๆ 

การหาเสียงเลือกในช่วงต้นปี 2562 ที่ผ่านมา มีพรรคการเมืองบางพรรคได้เสนอนโยบายให้มีการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งก็ค่อนข้างเป็นที่ถูกใจคนวัยทำงาน และมีข้อมูลสนับสนุนจากการทำโพลโดยสำนักวิจัยซูเปอร์โพล พบว่ามนุษย์เงินเดือนมีความชื่นชอบนโยบายทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ ค่อนข้างมากถึงมากที่สุด โดยมีตัวเลขเฉลี่ยถึง 81.12% อีกด้วย

สำหรับคุณที่เป็นเจ้าของกิจการอย่าเพิ่งรีบส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดนี้ ลองมาดูตัวอย่างบางองค์กรที่เขาได้เริ่มทำกันไปแล้วว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไรแล้วค่อยมาพิจารณากันอีกครั้งก็ยังทัน 

องค์กรที่ได้นำแนวคิดนี้ไปใช้แล้วส่วนใหญ่จะมีอยู่ในต่างประเทศ ส่วนในประเทศไทยเองก็เริ่มมีนำมาใช้บ้างแล้วเหมือนกัน ตัวอย่างของบริษัทที่นำแนวคิดนี้ไปใช้แล้วส่วนใหญ่จะทำเกี่ยวกับเรื่องของเทคโนโลยี เช่น Versa บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ในออสเตรเลีย และบริษัทซอฟต์แวร์ในสหรัฐอเมริกา คือ Wildbit และ  Cockroach Labs หรือ บริษัทซอฟเเวร์การจัดการโครงการ Planio ที่ตั้งอยู่ในกรุงเบอร์ลิน ฯลฯ

แต่ก็มีการนำไปใช้บ้างในธุรกิจอื่น ๆ ด้วย เช่น ธุรกิจอาหารอย่าง Shake Shack ร้านเบอร์เกอร์ชื่อดังของนิวยอร์ก บริษัทด้านการประชาสัมพันธ์ในประเทศอังกฤษอย่าง Radioactive PR และที่ค่อนข้างจะเป็นที่พูดถึงอย่างมากคือ Perpetual Guardian บริษัทด้านการลงทุน และอสังหาริมทรัพย์ในนิวซีแลนด์ หรือในฝั่งเอเชียเองก็มีบริษัท Aki Kosaku บริษัททำของเล่นและงานคราฟต์จากลังกระดาษของญี่ปุ่น ฯลฯ 

เท่าที่รวบรวมผลลัพธ์ของหลาย ๆ องค์กรที่ให้พนักงานหยุด 3 วัน ทำงาน 4 วัน นี่คือเหตุผลที่บอกได้ว่าพนักงานมี Work-Life Balance มากขึ้นกว่าเดิม

1. คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

แม้ว่าในแต่ละบริษัทอาจมีการกำหนดชั่วโมงการทำงานของแต่ละวันเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อแลกกันแล้วพนักงานย่อมคิดว่าคุ้มค่า เพราะมีเวลาสำหรับพักผ่อนเพิ่มมาอีก 1 วัน ทำให้สามารถจัดการเรื่องจำเป็นต่าง ๆ ในชีวิตได้มากขึ้น รวมถึงการดูแลคุณภาพชีวิตทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต หลายคนมีเวลาออกกำลังกาย หาความรู้เพิ่มเติม มีเวลาให้กับครอบครัว หรือวางแผนพักผ่อนได้ยาวนานขึ้น จึงส่งผลให้พนักงานมีความสุขมากขึ้น

2. ประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น

เมื่อถึงวันเริ่มต้นทำงาน พนักงานมีความเครียดน้อยลง ผ่อนคลายมากขึ้น จึงมีไฟในการทำงาน มีความกระตือรือร้น มีสมาธิ ความมุ่งมั่น มีไอเดียบรรเจิดจากการได้พักผ่อนเต็มที่ และที่สำคัญบริษัทสามารถทำกำไรได้สูงขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่น่าเชื่อ

3. ลดรายจ่ายทั้งของพนักงานและบริษัท

สำหรับพนักงานสามารถช่วยลดรายจ่ายในเรื่องของการเดินทาง ค่าอาหาร ฯลฯ ได้มากทีเดียว ทำให้มีเงินเหลือเก็บมากขึ้น สามารถเก็บออมหรือนำไปลงทุนเพื่ออนาคตเพิ่มเติมได้ และสำหรับบริษัทเองก็ช่วยลดรายจ่ายต่าง ๆ ไปได้ไม่น้อยเช่นกัน เช่น ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าน้ำมัน ฯลฯ 

4. มีความรักและภักดีต่อองค์กรมากขึ้น

เนื่องจากพนักงานลดความรู้สึกกดดัน ไม่เหนื่อยล้าในการทำงานมากเกินไป รู้สึกถึงความใส่ใจที่บริษัทมีให้แก่พนักงาน สร้างความรู้สึกที่ดี และมีความสุขกับการทำงานมากขึ้น  จึงมีความพร้อมที่จะทุ่มเทการทำงานให้อย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม แม้จะมองเห็นข้อดีอยู่มากแต่ก็ยังมีข้อด้อยอยู่บางประการ นั่นก็คือ แนวคิดการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ ยังอาจใช้ไม่ได้กับธุรกิจทุกประเภท เช่น ธุรกิจที่ให้บริการเกี่ยวกับสาธารณูปโภคอย่างไฟฟ้า ประปา หรือด้านพลังงาน ยังจำเป็นต้องมีทีมงานที่คอยดูแลอยู่ตลอดเวลา หรือสำหรับตำแหน่งงานที่จำเป็นต้องแข่งกับเวลา เช่น พนักงานขายที่ต้องทำยอดขาย หรือให้บริการลูกค้าตลอดเวลา ฯลฯ ทั้งเจ้าของกิจการและพนักงานอาจกังวลในเรื่องของยอดขายจนเกิดความเครียดเพิ่มขึ้นได้ 

สามารถอ่าน บทความเกี่ยวกับHR และ บทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี้

ที่มา : businesslinx.globallinker.com

 3254
ผู้เข้าชม
ทำเว็บธุรกิจ ทําเว็บขายของ ออกแบบเว็บไซต์ เว็บไซต์สำเร็จรูป SoGoodWeb

HR Articles

มาทำความเข้าใจ เงินเดือนหรือรายได้สำหรับลดหย่อนภาษี นั้นมีอะไรบ้าง สำหรับเงินหรือรายได้ในแต่ละเดือนที่เรียกว่าเงินได้พึงประเมิน นั้นสามารถนำไปลดหย่อนหักลดภาษีได้อย่างไรบ้าง และสามารถแบ่งออกได้กี่ประเภทมีอะไรบ้าง
2016 ผู้เข้าชม
1.ไม่เป็นไร ผิดพลาดกันได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ทำงานผิดพลาดแล้วยังจะมานั่งโทษตัวเองให้เหนื่อยทำไม ให้กำลังใจตัวเองเพื่อทำงานชิ้นต่อไปดีกว่า ยิ่งเรามัวจมกับความผิดพลาดเดิม ๆ เราก็จะทำงานอื่นต่อไม่ได้ สู้เอาความผิดพลาดมาทำให้ถูกต้องในงานชิ้นใหม่ดีกว่า สัจธรรมของชีวิตที่ต้องจำไว้อย่างหนึ่งก็คือ ไม่มีใครจำเรื่องของคนอื่นนานหรอก ถึงใครจะว่าเรามากมายแค่ไหน แต่พอเดินพ้นหน้าเราไปเขาก็ต้องคิดเรื่องอื่นแทน แล้วเราจะมาลงโทษตัวเองอยู่ทำไม 2.งานไม่ได้หนักทุกวันสักหน่อย เดี๋ยวก็ได้พักแล้ว เวลางานล้นมือเราอาจท้อ แต่ท้อไปงานก็ไม่เสร็จ ลุกมาทุ่มเททำให้เสร็จ ๆ ไปดีกว่า เหนื่อยแค่ไหนเดี๋ยวก็ได้พัก และสิ่งที่เราต้องทำเมื่องานเยอะ คือจัดระเบียบเส้นตายของงานแต่ละชิ้น เจรจาต่อรองถ้าคิดว่าจะไม่เสร็จตรงเวลา แล้วก็ค่อย ๆ ทำไปทีละงาน เดี๋ยวดีเอง 3.ถึงจะไม่เก่งงานนี้ แต่เราก็พยายามเต็มที่แล้ว บ่อยครั้งที่เราได้รับมอบหมายงานที่ไม่ถนัด ก็คิดเสียว่าไม่เป็นไร ทำให้เต็มที่ แต่ก่อนทำก็บอกคนที่มอบหมายหน่อยว่าไม่ค่อยถนัดนะ แต่จะทำเต็มที่ ผิดพลาดอะไรก็บอกได้ เขาจะได้ไม่คาดหวังมาก แต่ถ้าทำออกมาแล้วดีก็ถือเป็นกำไร อย่าเสียใจที่ทำงานบางประเภทไม่เก่ง เพราะเราก็อาจจะเก่งในงานประเภทอื่นก็ได้ จำไว้ว่าปลาอาจจะว่ายน้ำเก่งกว่าลูกสุนัข แต่ปลาก็วิ่งไม่ได้เหมือนกัน ถ้าปลาตัวหน่งจะโดดขึ้นมาบนบกแล้วคืบคลานจนถลอกปอกเปิกก็คงไม่มีใครว่าอะไร เพราะมันเป็นปลาจริงไหม
1275 ผู้เข้าชม
อาการแบบนี้เกิดขึ้นกับพนักงานของท่านหรือเปล่า - อาการป่วยเป็นนิจ ลากิจเป็นประจำ - อาการป่วยการเมือง - อาการป่วยจริง - ลางานเป็นประจำ หรือ ขาดงานอยู่บ่อยๆ จนหัวหน้าต้องตาม จะทำอย่างไร? เมื่อพนักงานของท่านขาดงาน
16146 ผู้เข้าชม
เพื่อน ๆ ทราบไหมครับว่า ทำไมยอดเงินเดือนจริง ๆ ที่โอนเข้าบัญชีจากทางบริษัท ถึงน้อยกว่าเงินเดือนที่ระบุไว้ตอนทำสัญญาว่าจ้าง หรือทำไมตอนรับงานนอก ผู้ว่าจ้างโอนเงินให้เราน้อยกว่าค่าจ้างที่ตกลงกันไว้นิด ๆ หน่อย ๆ ทั้งนี้ อย่าเพิ่งตกใจไปครับ
2753 ผู้เข้าชม
Get started for free today. DEMO FREE 60 DAYS
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์