Design Thinking ทีม HR ทำงานอย่างไร ให้ตอบโจทย์ธุรกิจ

Design Thinking ทีม HR ทำงานอย่างไร ให้ตอบโจทย์ธุรกิจ



พูดกันอยู่บ่อย ๆ ว่า HR ต้องเป็น Business Partner แล้วจะต้องออกแบบความคิด (Design Thinking) HR อย่างไรถึงจะเป็น Business Partner ล่ะครับ วันนี้เราลองมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันแบบ สบาย ๆ จาก Case Study ที่ผมเข้าไปให้คำปรึกษา ในหลายองค์กรเลยขอนำมาแชร์นะครับ

ก่อนอื่น ก็คงต้องยอมรับกันก่อนว่า ขึ้นชื่อว่า เป็นคน HR แล้ว ยังไงเสียเราก็ต้องมีความเชี่ยวชาญ ในสายอาชีพของเรา ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาบุคลากร การสร้างผู้นำ การสรรหา Talent Successor การ จัดทำสายอาชีพของพนักงาน หรือการบริหารผลงาน การจ่ายค่าตอบแทน กฎหมายแรงงาน เพราะสิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องพื้นฐานและเป็นความรับผิดชอบหลักที่เรา ต้องรู้ ต้องเก่ง และเป็นเรื่องที่ผู้บริหารก็หวังพึ่งเราใน เรื่องนี้

หาก HR ไม่มีทักษะในเรื่องพื้นฐานเหล่านี้ เรื่อง Business Partner ก็ดู จะไกลตัวไปนิดไหมครับ โดยปกติแล้ว การทำงานในสาย HR ส่วนใหญ่ พอได้รับโจทย์เรื่องคนจากผู้บริหารเราจะเริ่มจากการ คิดถึงกระบวนการในการทำงานอย่างเป็นระบบกัน ใช่ไหมครับ อย่างเช่น หากจะทำเรื่อง Talent เราก็จะ วางแผนตั้งต้นกัน ตั้งแต่กำหนดสัดส่วนว่าจะสรรหา จากภายในเท่าไร ภายนอกเท่าไร จะใช้เกณฑ์อะไร ในการคัดว่าเป็น Talent แล้วจะกำหนดการจ่าย อย่างไร เป็นต้น เรียกว่าต้องตั้งระบบกันก่อน ถึงจะ ดำเนินการต่อไปได้ แชร์ประสบการณ์ที่เข้าไปให้คำปรึกษาจาก หลายองค์กรจะพบว่า ผู้บริหารยุคดิจิทัลเล็งเห็น การเปลี่ยนแปลงและต้องการให้ HR เข้ามาเป็นผู้นำ ในการแก้ ไขปัญหาด้านคน ทำให้เราต้องคิดใหม่ ทำใหม่ ออกแบบการทำงานแบบใหม่

แต่นั่นหมายถึงว่า เราก็ต้องรู้นะครับว่าโดยระบบ นั้นจะต้องทำอะไรบ้าง แต่... ไม่ได้หมายความว่าจะต้อง ทำทุกอย่างตามกระบวนการเสียทุกครั้งไป อันนี้แหละ ครับ ที่เราคุยกันไว้ตอนต้นว่าความเชี่ยวชาญในเรื่อง พื้นฐานของงาน HR เป็นสิ่งที่เราต้องรู้ ต้องเข้าใจว่าแต่ละ อย่างนั้นต้องทำ “เพราะ” อะไร เพื่อว่าเราจะได้เลือกได้ ว่าขั้นตอนไหนที่ควรมี ควรทำ และขั้นตอนไหนที่ไม่ทำ ก็ได้ไงครับ นอกจากนี้ ในการทำงานของ HR ยังต้องมีมุมมอง แบบผู้บริหาร บวกมืออาชีพ (Professional) รวม ๆ กับ การออกแบบความคิดแบบนอกกรอบงาน HR อีกสัก เล็กน้อยครับ (Design Thinking) เพราะบางครั้งงานที่ต้องการนั้นตัวผู้บริหารเอง ก็ยังมองเห็นไม่ชัดว่าต้องการอะไร เช่น ยอดขายตกต่ำ ผู้บริหารอาจจะกำลังคิดว่าจะทำโปรโมชั่นดีหรือลด ต้นทุนการขนส่งดี ในขณะที่เราซึ่งเป็น HR อาจจะมองเห็นว่าการมี ผู้จัดการฝ่ายขายที่เก่ง ๆ สักคน น่าจะช่วยให้ยอดขาย ดีขึ้นได้ ก็ต้องลองเสนอความคิดนี้ให้ผู้บริหารพิจารณา แบบนี้แหละครับ ที่เรียกว่า มองเห็นในมุมผู้บริหาร ว่าผู้บริหารต้องการจะบูสท์ (Boost) ยอดขายเพิ่มขึ้น

ส่วนเรื่องคิดนอกกรอบงาน HR เล็กน้อยนั้น ก็ประมาณว่า ในเมื่อเรามองว่าต้องหาผู้จัดการขายเก่ง ๆ สักคน ซึ่งเข้าข่ายว่าหา Talent นั่นแหละครับ คราวนี้ แทนที่จะหาจากภายใน ซึ่งอาจจะมีแต่ต้องปั้นนาน อาจจะ ไม่ทันการ ก็ Buy เลยไหม หาคนที่มีประสบการณ์และ คุณสมบัติเหมาะเหม็งกับตำแหน่งนั้น พร้อมกับทีมงาน อีกสัก 2 คน เพื่อให้มาปุ๊บพร้อมทำงาน เดินเครื่องกระตุ้น ยอดขายได้ทันที ได้คนมาแล้ว ก็ค่อยมาคิดว่าจะกำหนดแนวทางให้ ค่าตอบแทนอย่างไร ถ้าตามระบบปกติอาจจะไม่ทันใจเขา ก็ทำระบบฟาสต์แทร็กสำหรับ Talent ขึ้นมารองรับไหม

แทนที่จะทำกันแบบเดิมว่าทีมขายก็ขายไปเราก็ช่วยเปลี่ยนให้เป็นแบบAgile

การทำงานของทีมงานนี้ แทนที่จะทำกันแบบเดิม ว่าทีมขายก็ขายไป เราก็ช่วยเปลี่ยนให้เป็ นแบบ Agile คือ รวมคนที่มีแววหรือคนที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันทำงาน โครงการ “เพิ่มยอดขาย” กัน ไม่ว่าจะเป็นคนจาก IT จาก ฝ่ายผลิต หรือจาก HR ให้ทีมงานนี้มาช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ช่วยกันผลักให้โครงการนี้สำเร็จ อาจจะกำหนดเวลาว่า ภายใน 3-6 เดือนนะ แล้วเมื่อเสร็จก็จะมีรางวัลสำหรับ คนที่ร่วมในโครงการนี้ ซึ่งเรื่องนี้ก็จะตรงกับแนวคิดเรื่อง OKRs (อย่านำ OKRs ไปปะปนกับการขึ้นเงินเดือนนะครับ)

ทำไป แก้ไป คิดไป ในขณะที่เดินเข้าใกล้เป้าหมาย เข้าไปเรื่อย ๆ ด้วย

นี่ล่ะครับที่เป็นตัวอย่างไอเดียเป็นการคิดแบบออก นอกกรอบ HR นิด ๆ (Design Thinking) คือ HR มองเห็น เป้าหมายเดียวกับผู้ บริหารและพุ่งเข้าเป้านั้น โดยใช้ เครื่องมือต่าง ๆ ในงาน HR มาผสมผสาน แบบไม่ต้องกังวล ว่าทุกอย่างจะต้องเป็นระบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำไป แก้ไป คิดไป ในขณะที่เดินเข้าใกล้เป้าหมายเข้าไปเรื่อย ๆ ด้วย โดยไม่ติดขั้นตอน กฎเกณฑ์ ระบบการทำงาน แบบเดิม ๆ ของงาน HR แบบนี้แหละครับ HR ก็จะร่วมเป็น Business Partner แบบไม่ต้องรอถามใครว่าจะทำอย่างไร

สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ ที่นี้

ที่มา : ดร.รุ่งโรจน์ อรรถานิทธิ

 2240
ผู้เข้าชม
ทำเว็บธุรกิจ ทําเว็บขายของ ออกแบบเว็บไซต์ เว็บไซต์สำเร็จรูป SoGoodWeb

HR Articles

เวลาเราให้คนออกจากงานไปนั้นมักเป็นการง่ายที่โทษว่า “ก็เป็นความผิดของพนักงานคนนั้นเอง” ทั้งนี้เป็นเพราะมาตรการการ เลิกจ้างนั้นเป็นมาตรการที่ควรใช้เมื่อพนักงาน “มีอาการ” ที่สมควร ที่จะต้องให้ออกจากงานไปจริง ๆ เช่น ไม่มีวินัยในการทำงาน ชอบสร้าง ปัญหาต่าง ๆ นานาให้กับหน่วยงาน สร้างความแตกแยกในหมู่ เพื่อนร่วมงาน เฉื่อยหรือหย่อนสมรรถภาพในการทำงานจนเป็นตัวถ่วง ผลการปฏิบัติงานขององค์กรที่ไม่อาจปล่อยไว้ได้ เป็นต้น
1931 ผู้เข้าชม
จะถามคำถามอย่างไรให้รู้ว่าผู้สมัครงานมีแรงจูงใจในการทำงานมากแค่ไหน เพราะขณะสัมภาษณ์งานผู้สมัครทุกคนย่อมต้องแสดงออกถึงความกระตือรือร้นอยากได้งานทั้งนั้น ลองเจาะประเด็นตามคำแนะนำ ต่อไปนี้อาจช่วยคุณได้
2402 ผู้เข้าชม
กระบวนการสมัครงานของคุณได้ผ่านพ้นไปแล้วตั้งแต่ขั้นตอนการส่งประวัติส่วนตัวไปยังนายจ้างการสัมภาษณ์งานในแต่ละรอบ จนตอนนี้คุณคือผู้ถูกเลือกจากนี้ไปคุณต้องทำอะไรบ้าง ตรวจสุขภาพ บางบริษัทอาจส่งคุณไปตรวจร่างกาย ว่าคุณมีสุขภาพดีสามารถทำงานให้เขาได้หรือไม่ ซึ่งหากไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง ส่วนใหญ่ก็ไม่มีปัญหา ได้ทำงานแน่นอน หาผู้ค้ำประกัน หากเป็นงานในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับเงิน ๆ ทอง ๆ อาจต้องมีผู้ค้ำประกัน ซึ่งบางแห่งไม่อนุญาตให้ญาติเป็นผู้ค้ำประกัน ผู้สมัครงานจึงต้องหาผู้ใหญ่ที่เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับนับถือมาเป็นผู้ค้ำประกันให้ ทำสัญญาว่าจ้าง โดยทั่ว ๆ ไปเป็นสัญญามาตรฐานว่ามีการตกลงว่าจ้างงานกัน รวมถึงเรื่องอัตราค่าจ้าง ผลตอบแทนต่าง ๆ และข้อบังคับของบริษัท ทดลองงาน แม้คุณจะได้เข้าทำงานแล้ว แต่คุณยังไม่ได้เป็นพนักงานเต็มตัว ต้องผ่านการทดลองงานเสียก่อน โดยปกติแล้วใช้เวลา 3-6 เดือน จึงจะได้บรรจุเป็นพนักงานประจำ
3519 ผู้เข้าชม
รู้จักภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2563 เป็นต้นไป แทนการจัดเก็บภาษีบำรุงท้องถิ่นที่และภาษีโรงเรือนและที่ดินที่ถูกยกเลิกไป Sanook Money ได้ทำเป็น Q&A เพื่อให้เข้าใจง่ายมากขึ้น โดยมีรายละเอียด ดังนี้
2718 ผู้เข้าชม
Get started for free today. DEMO FREE 60 DAYS
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์