• หน้าแรก

  • HR Articles (hide)

  • สวัสดิการพนักงานที่ต้อง-ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

สวัสดิการพนักงานที่ต้อง-ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

  • หน้าแรก

  • HR Articles (hide)

  • สวัสดิการพนักงานที่ต้อง-ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

สวัสดิการพนักงานที่ต้อง-ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

หลาย ๆ คนคงทราบดีอยู่แล้วว่า สวัสดิการพนักงาน นั้น แม้จะเป็นสิ่งที่ทางบริษัท หรือนายจ้างมอบให้แก่พนักงานหรือลูกจ้างทุก ๆ คน เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานของลูกจ้างและเพื่อให้ลูกจ้างมีสภาพความเป็นอยู่ในการทำงานที่ดีขึ้นก็ตาม แต่สิ่งที่ได้รับมาเหล่านั้นก็ต้องถูกนำไปคิดคำนวณเป็นเงินได้พึงประเมินของเราในการชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในรอบปีบัญชีนั้น ๆ เว้นแต่สวัสดิการต่าง ๆ ที่เราได้รับ จะถูกจัดอยู่ในข้อบัญญัติตามกฎหมายให้มีการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ แต่จะมีสวัสดิการตัวใดกันที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องมาคำนวณภาษี ค่าคลอดบุตรถือเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีหรือไม่ ค่าเบี้ยเลี้ยงทางภาษี ถือเป็นสวัสดิการที่ได้รับการยกเว้นหรือเปล่า และค่าเดินทางเหมาจ่ายต้องเสียภาษีหรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบค่ะ

สำหรับสิ่งที่จะถือว่าเป็น สวัสดิการ (welfare) ได้นั้น จะต้องเป็นสิ่งที่ทางบริษัทมีระเบียบ ประกาศ ข้อบังคับ ออกมาให้แก่ลูกจ้าง โดยไม่เลือกปฏิบัติ ลูกจ้างของบริษัทต้องได้รับทุกคนไม่ว่าจะเท่าเทียมหรือไม่ก็ตาม และเป็นไปเพื่อประโยชน์ของธุรกิจ ซึ่งหากสิ่งที่นายจ้างมอบให้ไม่ได้อยู่ในขอบข่ายข้างต้นนี้ จะถือว่าเป็นประโยชน์เพิ่มเติมที่ลูกจ้างได้รับ โดยหมายถึง ประโยชน์, ทรัพย์, สิทธิ, หรือบริการใด ๆ ที่นายจ้างได้ให้แก่พนักงานอันเนื่องมากจากการทำงานในตำแหน่งหน้าที่ ทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่เป็นตัวเงิน ซึ่งประโยชน์เพิ่มนี้อาจถือเป็นเงินได้พึงประเมินของพนักงานด้วย

          ทั้งนี้ ต้องกลับมาดูกันก่อนว่า เหตุใด สวัสดิการ ที่เราได้รับจากบริษัท จึงถูกจัดให้เป็นรายได้พึงประเมินซึ่งจะต้องคำ มาคำนวณภาษี โดยตามประมวลกฎหมายรัษฎากร หรือกฎหมายภาษีอากร มาตราที่ 39 ได้ระบุไว้ว่า "เงินได้พึงประเมิน" หมายความว่า เงินได้อันเข้าลักษณะพึงเสียภาษี ให้หมายความรวมตลอดถึงทรัพย์สิน หรือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้รับ ซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน โดยเราสามารถพิจารณาได้จากประเภทของเงินได้พึงประเมินจากประมวลกฎหมายรัษฎากร มาตราที่ 40 (1) แห่ง ซึ่งระบุว่า เงินได้พึงประเมิน คือ เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงานไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ เงินค่าเช่าบ้าน เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่นายจ้างให้ อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า เงินที่นายจ้างจ่ายชำระหนี้ใด ๆ ซึ่งลูกจ้างมีหน้าที่ต้องชำระ และเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน

          ดังนั้น จะเห็นได้ว่าเงินได้พึงประเมินจากการจ้างแรงงานตามกฎหมายภาษีอากรดังกล่าว ไม่ว่าลูกจ้างจะได้รับเป็นตัวเงิน อาทิ เงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด หรือบำเหน็จบำนาญ หรือได้รับประโยชน์เพิ่มในรูปสวัสดิการจากนายจ้าง เช่น เงินค่าเช่าบ้าน เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่นายจ้างให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า เงินที่นายจ้างจ่ายชำระหนี้ใด ๆ ซึ่งลูกจ้างมีหน้าที่จ่ายและชำระเงิน ทรัพย์ หรือประโยชน์ใด ๆ ที่ลูกจ้างได้รับเนื่องจากการจ้างแรงงาน ลูกจ้างก็ต้องนำทั้งหมดที่ได้รับมาคิดเป็นรายได้พึงประเมิน

          แต่ใช่ว่าสวัสดิการทุกอย่างที่เราได้รับจากนายจ้าง จะถือเป็นรายได้พึงประเมินที่ต้องนำมาคำนวณเสียภาษีทั้งหมด เพราะในบทบัญญัติของกฎหมายยังได้มีการกำหนดในส่วนของเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษีไว้ด้วย

สวัสดิการและประโยชน์ที่ลูกจ้างได้รับจากทางบริษัทที่ไม่ต้องนำมาคำนวณเสียภาษี มีดังนี้

   1. ค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าที่พัก ในการปฏิบัติงานนอกสำนักงานเป็นครั้งคราว ตามคำสั่งของนายจ้าง โดยไม่ใช่ตำแหน่งหน้าที่ประจำ
   2. ค่าพาหนะและเบี้ยเลี้ยงเดินทาง ซึ่งหมายรวมถึงการช่วยค่าน้ำมัน ค่าพาหนะ และค่าทางด่วน เมื่อนำรถมาใช้ในกิจการของนายจ้าง
   3. รถรับ-ส่งพนักงาน ที่ทางบริษัทมีการกำหนดเส้นทางและจุดรับ-ส่งไว้ไว้เฉพาะ โดยที่ลูกจ้างคนใดก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้
   4. เงินค่าเดินทางซึ่งนายจ้างจ่ายให้ลูกจ้าง เมื่อลูกจ้างเดินทางจากต่างถิ่นเพื่อมาเข้ารับงานเป็นครั้งแรก หรือในการกลับถิ่นเดิมเมื่อการจ้างได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ข้อยกเว้นนี้ มิให้รวมถึงเงินค่าเดินทางที่ลูกจ้างได้รับในการกลับถิ่นเดิม และในการเข้ารับงานของนายจ้างเดิมภายใน 365 วัน นับแต่วันที่การจ้างครั้งก่อนได้สิ้นสุดลง
   5. ค่ารักษาพยาบาล
   6. ค่าเบี้ยประกันภัย ทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัย

   7. ค่าชดเชยที่ลูกจ้างได้รับตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน
   8. เงินได้เท่าที่ลูกจ้างจ่ายเป็นเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในอัตราไม่เกินร้อยละ 15 ของค่าจ้างเฉพาะส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 490,000 บาท สำหรับปีภาษีนั้น

   9. ค่าช่วยเหลืองานสมรส
 10. ค่าคลอดบุตร
 11. ค่าฌาปนกิจศพ ลูกจ้างที่เสียชีวิต

 12. ทุนการศึกษาแก่พนักงาน
 13. จัดฝึกอบรมพนักงาน เพื่อกิจการของนายจ้างโดยตรง

 14. ค่าสมาชิกสโมสรกีฬา หรือสโมสรเพื่อการพักผ่อน
 15. เครื่องแบบพนักงาน อันประกอบด้วย 2 ชุด เสื้อนอก 1 ตัว
 16. การจัดงานเลี้ยงในวันปีใหม่ ตามโอกาสเพื่อขนบธรรมเนียมประเพณี
 17. เงินเดือนหรือค่าจ้างที่คนประจำเรือได้รับเนื่องจากการปฏิบัติงานบนเรือไทย ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการพาณิชยนาวีที่ใช้ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ

ตัวอย่างสวัสดิการอื่น ๆ ที่ลูกจ้างต้องนำมาคำนวณรวมในการเสียภาษี

   1. ให้พนักงานกู้ยืมเงิน
   2. เบี้ยขยัน
   3. อยู่บ้านนายจ้างโดยไม่เสียค่าเช่า หรือนายจ้างชำระค่าห้องให้
   4. บริษัทออกภาษีแทนลูกจ้าง
   5. บริการอาหาร เครื่องดื่ม น้ำดื่ม ชา กาแฟ ยารักษาโรค ที่ทางบริษัทจัดไว้ให้
   6. พนักงานซื้อหุ้น/แลกหุ้น
   7. ช่วยค่าเล่าเรียนบุตรพนักงาน
   8. การจัดกีฬาสี รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพนักงานโดยตรง


ที่มา : money.kapook.com

 21443
ผู้เข้าชม
ทำเว็บธุรกิจ ทําเว็บขายของ ออกแบบเว็บไซต์ เว็บไซต์สำเร็จรูป SoGoodWeb

HR Articles

เวลาเราให้คนออกจากงานไปนั้นมักเป็นการง่ายที่โทษว่า “ก็เป็นความผิดของพนักงานคนนั้นเอง” ทั้งนี้เป็นเพราะมาตรการการ เลิกจ้างนั้นเป็นมาตรการที่ควรใช้เมื่อพนักงาน “มีอาการ” ที่สมควร ที่จะต้องให้ออกจากงานไปจริง ๆ เช่น ไม่มีวินัยในการทำงาน ชอบสร้าง ปัญหาต่าง ๆ นานาให้กับหน่วยงาน สร้างความแตกแยกในหมู่ เพื่อนร่วมงาน เฉื่อยหรือหย่อนสมรรถภาพในการทำงานจนเป็นตัวถ่วง ผลการปฏิบัติงานขององค์กรที่ไม่อาจปล่อยไว้ได้ เป็นต้น
1713 ผู้เข้าชม
Talent Management หรือ ระบบการบริหารจัดการคนเก่ง เป็นเครื่องมือทางการบริหารทรัพยากรบุคคลอยางหนึ่งที่ในปัจจุบันองค์กรจํานวนมากกำลังให้ความสนใจกับการบริหารจัดการคนเก่งที่มีอยูในองค์กร หากจะกำหนดนิยามของ Talent Management ก็อาจกล่าวได้ว่า Talent Management หมายถึงกระบวนการวิเคราะห์และวางแผนที่มีความสอดคล้องกันในการหาแหล่งที่มา (Sourcing) กลั่นกรอง (Screening) การคัดเลือก (Selection) การนําไปใช้ (Deployment) การพัฒนา (Development) และการทําให้คงอยู่(Retention) ของทรัพยากรบุคคลที่มีศักยภาพสูงและ สามารถทํางานได้อยางมีประสิทธิภาพสูงสุด
12400 ผู้เข้าชม
ทุกๆ ปีเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมเวียนมาถึง คาดว่าท่านผู้อ่านและคนไทยทั้งประเทศคงจะมีพฤติกรรมเหมือนกับผู้เขียนคือ พอตกเย็นก็รีบกลับบ้านเพื่อมาเปิดโทรทัศน์ฟังกระแสพระราชดำรัสของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา ซึ่งพระองค์จะมีพระราชดำรัสกับ คณะบุคคลต่างๆ ตั้งแต่คณะรัฐมนตรี คณะองคมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ตลอดจนประชาชนธรรมดาทั่วไป สำหรับผู้เขียนแล้ว คืนวันที่ 4 ธันวาคมจะเป็นค่ำคืนของการเรียนรู้แนวความคิดต่างๆ จากพระราชดำรัส ซึ่งแนวความคิดเหล่านั้น บางครั้งก็เป็นเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดิน การแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนของราษฎรในเรื่องต่างๆ เช่น การเกษตร ฝนแล้ง ปัญหาน้ำท่วม บางครั้งก็เป็นเรื่องของ พระองค์เองที่ได้ทรงเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากประสบการณ์และทรงนำมาถ่ายทอดให้เราได้ฟังและนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตของเรา
21532 ผู้เข้าชม
โดยปกติการยื่นภาษีสามารถทำได้ทั้งที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา หรือยื่นภาษีออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ซึ่งข้อดีของการยื่นภาษีออนไลน์คือ จะได้รับสิทธิขยายเวลาการยื่นแบบฯและชำระภาษีออกไปอีก 8 วัน จนบางครั้งเราอาจชะล่าใจ ผลัดวันไปเพราะวันนี้ยังหาเอกสารไม่ครบ วันนี้ติดประชุม หรือสารพัดเหตุผล พอรู้ตัวอีกทีก็เลยกำหนดยื่นภาษีไปเสียแล้ว แล้วอย่างนี้ควรทำอย่างไรดี
93206 ผู้เข้าชม
Get started for free today. DEMO FREE 60 DAYS
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์