การทำงานคือการแก้ปัญหา การทำงานเป็นทีมเพื่อแก้ปัญหาจะยิ่งมีปัญหาหนักเมื่อทีมงานโกรธ ทะเลาะ โมโหกันเอง การทำงานที่ยากอยู่แล้วก็ยิ่งยากขึ้นไปเสียอีก
ในโลกที่ทุกคนเกิดมาตัวเปล่า แต่กลับเติบโตพร้อมสะสมอีโก้มากับตัว ทำให้ทุกคนมักจะเห็นตนเองเป็นจุดศูนย์กลางโลกอยู่เสมอ มองเห็นแต่ด้านดีของตน และเห็นแต่ส่วนเสียของคนอื่น วันนี้ เราลองมาดูดีกว่าค่ะ ว่าหนทางในการสร้างความสมานฉันท์ในองค์กร หรือเรียนรู้ที่จะหลีกเลี่ยงปะทะคารมกับผู้ร่วมงาน และลบล้างความแตกแยกในองค์กรนั้นมีอะไรกันบ้าง
มีเป้าหมายเดียวกันที่ชัดเจน
แม้จะอยู่กันคนละแผนก ซึ่งการทำงานอาจจะแตกต่างกันแต่ต้องร่วมกันประสานเพื่อเป้าหมายที่ชัดเจนของ องค์กร ดังนั้นหากการทำงานมีการขัดแย้งไปบ้าง อย่าลืมตรวจสอบว่า ความขัดแย้งนั้น เกิดขึ้นเพราะจุดมุ่งหมายที่จะทำให้องค์กรเข้าไปใกล้เส้นชัยมากที่สุดหรือ เปล่า
ลองดูนะคะว่าความขัดแย้งนั้นเกิดขึ้นเพราะอะไร หรือมันเกิดขึ้นเพราะความผิดพลาดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่สามารถแก้ไขได้ และสามารถที่จะอุดรอยรั่วดังกล่าวนั้นด้วยกันเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิด ขึ้นได้ในอนาคต
แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว
พูดง่ายแต่ทำยากนะคะ ความไม่พอใจกันในเรื่องส่วนตัวมักจะกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้การทำงาน ยากลำบากยิ่งขึ้น แถมมีการกลั่นแกล้งกันให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร หากเป็นเช่นนี้องค์กรมีแต่เจ๊งกับเจ๊งลูกเดียวค่ะ ดังนั้นการมี session สร้างความรู้จักกันในหมู่ทีมงานหรือเป็น ice-breaking session สร้างความรู้จักกันระหว่างแผนกจะทำให้การทำงานง่ายขึ้น ลดแรงเสียดสีระหว่างแผนกได้นะคะ
มากไปกว่านั้น พยายามหลีกเลี่ยงการพูดคุยถึงสิ่งที่สามารถสร้างความร้าวฉานได้ง่าย เช่นเรื่องการเมือง ศาสนา เป็นต้น (การคุยเรื่องละครหลังข่าวหรือที่ที่จะไปเที่ยวช่วงวันหยุด กลายเป็นหัวข้อน่าพูดคุยไปเลยค่ะ)
ความยุติธรรม
เจ้าของกิจการจะต้องยุติธรรมแก่ลูกน้อง ฟังความทั้งสองข้าง ไม่ใช่อคติ ไม่มีคนโปรด เพราะทุกๆ คนก็เป็นทีมงานของคุณเหมือนๆ กันหมด หากมีด้านใดด้านหนึ่งผิดอย่างแท้จริง หากต้องดุหรืออบรมก็ควรทำในที่สองต่อสอง ไม่ใช่ดุด่าว่ากล่าวกันต่อหน้าให้มีการเสียใจ เสียหน้ากันเกิดขึ้น เพราะหากทำแบบนี้ องค์กรคุณไม่เหลือคนดีๆอยู่ด้วยแน่
หากมีความแตกแยกเกิดขึ้น คุณอาจจะเรียกทั้งสองฝ่ายมานั่งคุยกันด้วยความเย็นและสติ ไม่ใช้อารมณ์ มาเพื่อช่วยกันแก้ปัญหาให้จบในห้อง ไม่ใช่ไปท้าตีท้าต่อยกันนอกห้องประชุมต่อ หาข้อยุติที่เป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ไม่ทำให้ใครเสียหน้า เพราะคุณเป็นนาย คุณต้องยุติธรรมที่สุด ใจเย็นที่สุดและทำให้ลูกน้องทุกๆ คนอยู่ในองค์กรด้วยความรู้สึกที่ดีที่สุดนะคะ
เมื่อมีปัญหา ทุกคนอาจจะต้องเสียสละบางสิ่งบางอย่างไปบ้างเพื่อส่วนรวม ทำให้ทุกๆ คนเห็นแก่ประโยชน์ขององค์กรนะคะ หากมีใครผิด หรือต้องรับผิดชอบ อย่าลืมแก้ไขปรับปรุงระบบเพื่อให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเรียบร้อยมากขึ้นใน อนาคต
จัดการปัญหาอย่างรวดเร็ว
การเผชิญหน้ากับปัญหาเป็นเรื่องที่ไม่สนุกหรอกค่ะ แต่ถ้าหากมีปัญหาเกิดขึ้น คุณควรที่จะรีบแก้ไข ไม่ปล่อยปละละเลยให้เรื่องเล็ก กลายเป็นเรื่องใหญ่ การมีสายสืบในองค์กรที่ช่วยคอยดูแล และรีบแจ้งหากมีปัญหาเกิดขึ้นในองค์กรก็เป็นเรื่องที่ดีนะคะ เพราะจะได้ช่วยสอดส่องดูแลในสิ่งที่เราไม่รู้ หรือไม่มีใครกล้าบอกเรา เพราะปัญหาและความในใจของลูกน้องก็มักจะถูกปลดปล่อยมาในช่วงพักเที่ยง ที่ห้องอาหารหรือที่ชงกาแฟทั้งนั้น คุณจะได้ไม่เป็นลมล้มชักเมื่อปัญหาในองค์กรมันใหญ่เกินแก้
เข้าใจ
ความเข้าใจและความหวังดีทำให้โลกน่าอยู่ หากเราเข้าใจว่าปัญหานั้นๆ มันเกิดขึ้นเพราะอะไร เข้าใจว่าคนเรานั้นแตกต่างกัน มีมาตรฐานและความเข้าใจ การตีความในสิ่งที่แตกต่างกันได้ เพราะแม้แต่เกิดมาพ่อ แม่เดียวกัน นอนห้องเดียวกัน ยังสามารถที่จะแตกต่่างกันได้อย่างรุนแรง อายุ การศึกษา มุมมอง ความเชื่อทำให้คนแตกต่างกัน ดังนั้นวิธีการแก้ปัญหา วิธีคิดก็ย่อมจะแตกต่างกันไปด้วย ดังนั้น มองปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเข้าใจ หาทางแก้ไขปัญหาด้วยสติ บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น และหาทางป้องกันปัญหาที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต แค่นี้คุณก็สามารถคว้าชัยชนะในเกมส์ของการแข่งขันได้แล้ว
ปัญหาหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ป้องกันได้นะคะ สร้างความเข้าใจและพื้นฐานของความรักในองค์กรของเรา เพื่อที่จะได้ทำปัญหาต่างๆให้เล็กลง และง่ายขึ้นต่อการแก้ไขค่ะ
The truth will set you free, but first it will piss you off.