ในยุคนี้คนส่วนใหญ่มักประสบกับปัญหาการทำงานไม่เสร็จตามเวลาที่กำหนดไว้ จึงต้องสูญเสียชั่วโมงของการพักผ่อนมาจมอยู่กับเอกสารกองโตเพื่อสะสางงานที่ค้างอยู่ โดยมองข้ามคุณภาพของงาน และสุขภาพของตัวเอง
ดังนั้น เราทุกคนสามารถทำงานได้เพิ่มมากขึ้นในเวลาที่น้อยลง โดยการเพิ่มประสิทธิในการทำงาน
เราควรจะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในแง่ใดบ้างจึงช่วยให้ทำงานได้ปริมาณเพิ่มขึ้น...??
การเพิ่มสมาธิในการทำงาน
1. ค้นหา Biological clock ของตัวเองโดยควรสังเกตว่า ช่วงไหนในแต่ละวันที่เราสามารถทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด ( เช้า บ่าย กลางคืน) และมักจะใช้ช่วงนั้นทำงานที่มีความสลับซับซ้อนมากที่สุด
2. อย่าหยุดทำงานถ้ายังไม่เกิดผลแม้แต่น้อย เพราะเมื่อกลับมาทำงานต่อไปจะไม่มีสมาธิ เพราะความกังวลและความกลัวว่าจะทำงานได้ไม่ทัน
ในทางตรงกันข้าม เมื่อกลับมาทำต่อและรวบรวมสมาธิได้ หากเราทำงานนั้นลุล่วงไปได้ก็จะเกิดกำลังใจ
3. คิดไปเขียนไป เขียนไปคิดไป จะช่วยคงสมาธิได้นานต่อเนื่องและเห็นความบกพร่องของความคิด รวมถึงความต่อเนื่องของความคิดทำให้ได้ความคิดที่ชัดเจน
เพิ่มความสามารถในการจำ
ไม่เสียเวลาค้นหาข้อมูล เคล็ดลับเพิ่มความจำ
1. Timing มีผลต่อการจดจำ การจำข้อมูลในสภาวะจิตที่สบาย ๆ
2. บอกตัวเองว่าต้องจำให้ได้
3. เป็นคนช่างสังเกต
เพิ่มความเร็วในการอ่าน
1. ต้องรู้วัตถุประสงค์ในการอ่าน เป็นการปรับจิตปรับสมอง
• โดยการตั้งคำถามเอกสารชิ้นนี้มีความสำคัญต้องอ่านรึเปล่า
• ต้องอ่านเพื่อพอเข้าใจ จดจำ หรือตัดสินใจ เป็นต้น
2. เปรียบเทียบข้อมูลใหม่กับข้อมูลเก่า
3. ทำสัญลักษณ์หรือเน้นข้อความที่สำคัญ ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น
4. จ้างพนักงานอ่าน สรุปเอกสาร
หัดมอบหมายให้คนอื่นทำบ้าง
คนที่มอบหมายงานไม่เป็นคือคน 2 ประเภท แบบนี้ค่ะ
1. คนที่เก่งมาก ๆ กลัวคนอื่นทำงานได้ไม่ดีเท่ากับตัวเอง หรือเก่งกว่าตัวเองวิธีแก้ ให้ถามตัวเองว่า
" เวลาเป็นของมีค่า ถ้าเราเก่งจริงก็เอาเวลาของเราไปทำในสิ่งที่คนทั้งบริษัททำไม่ได้ดีกว่าหรือ?"
2. คนที่ต้องทำงานตลอดเวลา กลัวภาพลักษณ์ของตัวเองออกมาไม่ดี
วิธีแก้ ให้ถามตัวเองว่า "ใครจะช่วยเรา ในยามคับขันที่เราไม่สามารถทำงานได้??? "
วิธีการมอบหมายงาน
• เลือกคนที่สามารถทำงานให้เราได้ จากการติดตามผลงาน
• บอกขั้นตอนการทำงานอย่างละเอียดเสมือนว่าเราทำเอง
• ติดตามผลงาน
เพิ่มประสิทธิภาพในการติดต่อสื่อสาร
1. สังเกตแววตา น้ำเสียง กิริยาท่าทางของผู้พูด อันนี้ก็ต้องเข้าใจก่อนว่ามนุษย์ทุกคนไม่จำเป็นต้องพูดตามที่ต้วเองคิด ทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นการที่เราตั้งใจฟังอย่างเดียว อาจได้รับข้อมูลไม่ตรงความจริง จึงจำเป็นต้องสังเกตภาพรวมของผู้พูดเพราะจะช่วยให้เราเข้าใกล้ข้อมูลที่เป็นความจริงมากที่สุด
2. ถามจนกว่าจะเข้าใจ แต่ก่อนจะถามต้องตั้งใจฟังก่อน และถ้าคิดว่าไม่เข้าใจให้ถามจนกว่าจะกระจ่าง เพราะการได้ข้อมูลผิดพลาดอาจทำให้เราผิดพลาดไปตลอดชีวิต
เลิกนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง
สาเหตุของการผัดวันประกันพรุ่ง เกิดจากอะไร?
1. งานที่เราทำยากเกินความสามารถ ไม่มีทางทำได้ทางแก้ ขอคำปรึกษากับหัวหน้างาน หรือเพื่อนร่วมงาน
2. งานที่เราทำอยู่ไม่มีความสำคัญ ไม่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายของเรา ไม่อยากทำ
ทางแก้ เปลี่ยนงาน เพราะเราไม่รู้ว่าเรากำลังทำในสิ่งที่ขัดกับความชอบของเรา แต่เราต้องรู้สาเหตุก่อนว่าเราไม่ชอบงานนี้เพราะอะไร แล้วจึงหาเครื่องมือมาเปลี่ยนวิธีการคิดของเรา
3. งานที่เราทำอยู่ไม่มีความท้าทาย ง่ายเกินไปเดี๋ยวค่อยทำ ทำเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ
ทางแก้ มอบหมายชิ้นนั้นให้คนอื่นทำ
จัดงานตามลำดับความสำคัญก่อนหลัง
1. ในช่วงเช้า ทำงานที่มีความสำคัญที่สุดก่อน คืองานที่สร้างรายได้แก่องค์กร ส่วนงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เก็บไว้ทำในช่วงบ่าย
2. ถ้าเรากำหนด work goal และ career goal ไปพร้อมกันได้ เราจะทำงานอย่างมีความสุขและเกิดความกระตือรือล้นในการทำงาน
• work goal เช่นเดือนนี้มี project อะไรบ้าง ต้องไปพบลูกค้ากี่ราย เป็นต้น
• career goal เช่น ภายใน 2 ปีต้องได้ เลื่อนตำแหน่ง ภายใน 5 ปี ต้องมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เป็นต้น
ให้ความสำคัญกับห้องทำงาน
1. เก้าอี้ที่นั่งทำงานต้องมีความสบาย
• ช่วยให้มีสมาธิในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ถ้ามีห้องทำงาน
• ควรจัดห้องให้มีความสะดวกสลาย แต่ไม่ควรมีมุมกาแฟ เพราะจะเป็นศูนย์รวมของผู้คน
• ในเวลาปกติควรเปิดประตูเพื่อให้พนักงานรู้สึกว่าสามารถขอคำแนะนำจากผู้บริหารได้
• แต่ไม่ควรนั่งหันหน้าเข้าหาประตูเพราะทำให้คนภายนอกรู้สึกว่าต้องเข้ามาทักทาย
• และถ้าปิดประตูก็จะไม่สร้างความคับข้องใจแก่เหล่าพนักงานเพราะรู้กันว่าต้องการสมาธิในการทำงาน
ข้อสุดท้าย คือการต้องกำหนด dead - line กับงานที่เราให้ความสำคัญในแต่ละProject เพื่อป้องกันการผัดวันประกันพรุ่ง