ที่มีทั้งอิจฉา ริษยา นินทา ใส่ความ รวมทั้งกลั่นแกล้ง
ตอนนั้นคุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ผมกลับบ้านและเล่าเรื่องความผิดหวังในตัวคนเหล่านั้นให้ฟังพร้อมทั้งเปรยว่า เขาไม่น่าเป็นอย่างนั้นเลย ทั้งๆ ที่มีการศึกษาและมีสถานภาพดีในสังคม
คุณแม่เงียบไปสักครู่ แล้วพูดว่า
"พระท่านเคยบอกว่า มนุษย์เราก็เป็นเช่นนั้นเอง รู้แล้วอย่าตกใจนะ" แล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ
ผมก็เงียบ ซึ้ง และได้คำตอบทันทีว่า นี่แหละ จริงแท้แน่นอน ไม่ต้องมีคำถามว่า ทำไมคนจึงเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ให้ซ้ำซากอีกต่อไป
เพราะคนก็เป็นอย่างนั้นเอง ตลอดมาและตลอดไป
เมื่อเข้าใจและยอมรับได้แล้ว ผมก็ลดความผิดหวังในตัวมนุษย์ลงได้ เพราะรู้แล้วว่า เขาทั้งหลายต่างก็เป็นเช่นนั้นเอง แก้ไขอะไรไม่ได้หรอก เราต้องเข้าใจและยอมรับความจริงให้ได้ต่างหาก อย่าไปโกรธหรือโทษเขาเลย อย่าไปผิดหวังในตัวเขาเลย เหมือนกับอย่าไปผิดหวังว่าทำไมปลาจึงบินไม่ได้เหมือนนก และทำไมนกจึงอยู่ในน้ำไม่ได้เหมือนปลา
ปลา ก็คือ ปลา เป็นอย่างปลา เป็นเช่นนั้นเอง
นก ก็คือ นก เป็นอย่างนก เป็นเช่นนั้นเอง
ได้แค่นั้นเอง เปลี่ยนแปลงไม่ได้
เหมือนคนก็เป็นคน เป็นอย่างนั้นเอง เปลี่ยนแปลงไม่ได้หรอก
เมื่อรู้แล้ว เข้าใจแล้ว ว่าเขาเป็นเช่นนั้นเอง ก็อย่าตกใจ และจะไม่ผิดหวังในตัวคนอีกต่อไป
นึกถึงบุญคุณของแม่ทุกครั้งเมื่อนึกถึงเหตุการณ์นี้ ที่นำเอาธรรมะมาใส่ในใจลูกอย่างได้ประโยชน์
เมื่อกาลเวลาผ่านไป ผมได้อ่านหนังสือของท่านพุทธทาส ซึ่งท่านเน้นให้ลดความเป็นตัวตน ความเป็นตัวกู-ของกู ให้มาก
การจะลดได้ก็ต้องลดความคิดผิดๆ เช่น โลภ โกรธ หลง ให้มากๆ จะได้ไม่ยึดความเป็นตัวกู-ของกูเอาไว้ ซึ่งจะยิ่งทำให้ผิดหวังในตัวเองและคนอื่นมากขึ้น ก่อให้เกิดความโลภโกรธ หลง ทับซ้อนมากขึ้นไปอีก เกิดเป็นภาวะ ตัวกู-ของกู มากขึ้นไปอีก
ท่านได้พูดถึงคำว่า "ตถตา" ซึ่งหมายถึงว่า "เช่นนั้นเอง"
โดยท่านได้สอนให้มองเห็นทุกอย่างเป็น "ตถตา" หรือ"เป็นเช่นนั้นเอง"
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิต ทั้งที่เกี่ยวกับมนุษย์หรือไม่ใช่มนุษย์ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นก็ "เป็นเช่นนั้นเอง" หรือเป็น"ตถตา" ไม่ใช่ความพิเศษ วิเศษ พิสดาร หรือเป็นพิษเป็นภัยอะไรนักหรอก
มันก็เป็นเช่นนั้นเอง เป็นปกติ เป็นธรรมดา
เมื่อเชื่อและคิดตาม "ตถตา" แล้ว จะทำให้มีความโลภ โกรธ หลง ลดน้อยลง ลดความยึดถือลง
ลดความผิดหวังในตัวมนุษย์หรือสิ่งต่างๆ ในโลกลง
เมื่อนึกถึง "ตถตา" บ่อยๆ เราจะเริ่มปล่อยวางได้ ไม่ยึดถือสิ่งใดมากนัก ทำให้ไม่ทุกข์มาก ไม่สุขมาก มีความสงบสุขได้มากขึ้น
การปล่อยวางนี้ เป็นสิ่งสูงสุดที่ท่านพุทธทาสสอนไว้ คือ อตัมยตา
ท่านใช้คำว่า "กูไม่เอากับมึงแล้ว" คือ ไม่เอากับความโลภ โกรธ หลง อีกแล้ว ไม่ยึดถือและไม่อยากได้อีกแล้ว
เมื่อลดโลภ โกรธ หลง ได้มากเท่าไหร่ ก็จะผิดหวังในทุกอย่าง ทุกคน น้อยลงเท่านั้น
ถ้าเรานึกถึง "ตถตา" หรือ "เป็นเช่นนั้นเอง" บ่อยๆ เราจะเห็นว่า ไม่มีอะไรน่ายึดถือได้เลย ไม่มีอะไรที่ควรจะมี หรืออยากได้อีกต่อไป
ท่านใช้คำว่า "ไม่มีอะไรที่น่าเอา ไม่มีอะไรที่น่าเป็น"
ถ้าคิดได้-ทำได้ ถึงจุดนี้ จะยิ่งมีจิตใจปลอดโปร่ง ไม่ทุกข์ ไม่ผิดหวังในสิ่งใดหรือคนใดอีกแล้วค่อยๆ ฝึกคิดตาม- ทำตามไปเถิด มีประโยชน์แน่ๆ
"ตถตา" ความเป็นเช่นนั้นเอง
ที่มา : www.manager.co.th