คนทำงานในระดับลูกน้องมักคาดหวังให้หัวหน้ามองเห็นความสามารถของตัวเองว่าทำ งานหนักแค่ไหน ทุ่มเทแค่ไหน ในขณะที่คนเป็นหัวหน้าก็คาดหวังให้ลูกน้องได้มองเห็นการทำงานของตัวเองด้วย เหมือนกันว่าดีพอหรือยัง เรื่องของการมองต่างมุมแบบนี้สามารถขจัดให้หมดไปได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องก็ตามที โดยการหมั่นสำรวจการทำงานของตัวเองว่าคุณภาพที่ออกมาเป็นอย่างไร กรณีที่ได้รับคำตำหนิติเตียน ลองตั้งสติให้ดี เปิดใจให้กว้าง และพิจารณาโดยใช้เหตุผลว่าจริงหรือไม่ กรณีที่คุณไม่เห็นด้วยกับคำตำหนิ ขอแนะนำว่าให้ชี้แจงในทันทีด้วยเหตุผลที่ปราศจากอคติ ตรงไปตรงมา และชัดเจน ทั้งนี้ เพื่อคุณจะได้ปรับทัศนคติในบางมุมที่แตกต่างกัน เพื่อหาระดับความพอดีที่เป็นความเข้าใจตรงกัน มีมาตรฐานเดียวกัน และเพื่อร่วมงานกันได้อย่างราบรื่นต่อไป
2.หลีกเลี่ยงคำว่า ‘ไม่รู้’
สำหรับการทำงานแล้วไม่มีคำพูดใดที่ฟังแล้วน่าเบื่อ และขาดความรับผิดชอบเท่ากับคำว่า “ไม่รู้” หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดว่า “ไม่รู้ คือไม่ผิด” แสดงว่าคุณคิดผิดแล้ว ลองถามตัวเองดูว่า สาเหตุที่ไม่รู้เพราะอะไร บางทีอาจเป็นเพราะคุณไม่ได้เอาใจใส่ในงานมากพอก็ได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนจะพูดคำนี้ออกมา ลองไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อน แม้ว่าในชีวิตการทำงานจริงๆ จะมีบ้างที่ต้องอยู่ในสถานการณ์ “หนูไม่รู้” แต่ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นบ่อย หรือเป็นคำพูดติดปาก
3.เรียนรู้จากความผิดพลาด
“สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง” ดังนั้น เป็นธรรมดาที่ในการทำงานอาจเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ ซึ่งเป็นผลจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือขาดประสบการณ์ ทางแก้ก็คือพยายามจดจำปัญหานั้นๆ ว่าเพราะเหตุใด เรียนรู้และทำความเข้าใจเพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก นอกจากนี้ ควรปล่อยวางกับความผิดพลาด ไม่ใช่จมปลักอยู่กับความรู้สึกผิด จนไม่มีเรี่ยวแรง ทำงานต่อไป
4.ปัญหาคือความท้าทาย
ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบฉันใด การทำงาน ก็เหมือนกัน เมื่อมีปัญหาหรืออุปสรรคเกิดขึ้น ลองเปลี่ยนทัศนคติให้ปัญหานั้นเป็นส่วนหนึ่งในการทำงาน เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องพบเจอ และเป็นความท้าทาย อย่างหนึ่งว่าคุณจะสามารถรับมือ แก้ไข และก้าวผ่านไปได้ด้วยวิธีใด ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจก็คือเมื่อคุณแก้ปัญหาได้ คุณจะพบว่าคุณเติบโตมากขึ้น ทั้งยังได้ฝึกแก้ไขสถานการณ์ และเปิดโอกาสให้ตัวเองได้แสดงความสามารถในการรับมือกับปัญหาด้วย
5.ให้โอกาสตัวเองลองใหม่
เชื่อไหมว่า คนเราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ หากรู้ตัวว่าผลงานยังออกมาไม่ดีพอ ก็ให้โอกาสตัวเองลองใหม่อีกครั้ง สนุกกับงาน เพราะงานเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของคุณ มีทัศนคติที่ดี มองทุกอย่างให้เป็นบวก เพื่อจะได้เกิดความรู้สึกสบายใจและมีกำลังใจ ขณะเดียวกันก็ควรแสวงหาความรู้รอบตัว และความรู้เฉพาะด้านที่จะเพิ่มพูนทักษะในการทำงานให้ดีขึ้นด้วย
6.รู้จักผ่อนคลาย
เป็นความจริงที่ว่า หากได้ทำงานที่ชอบก็จะรู้สึกมีความสุขและสนุกไปเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรมองข้ามคุณค่าของการพักผ่อน อย่าลืมว่า มนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักร การรู้จักผ่อนคลายเป็นวิธีง่ายที่สุด ที่จะ ทำให้คุณสดชื่นในการทำงานตลอดเวลา ลองมองหาวิธีผ่อนคลายในแบบที่เป็นตัวคุณว่ามีอะไรบ้าง ในระหว่างวันทำงาน เช่น พักรับประทานของว่างในช่วงบ่าย ยืดเส้นยืดสายด้วยท่าบริหารง่ายๆ เพื่อความกระปรี้-กระเปร่า ส่วนหลังเลิกงาน คุณอาจไปช็อปปิ้ง เล่นกีฬา นัดเพื่อนฝูงไปเมาธ์ รีบกลับบ้านไปเล่นกับสัตว์เลี้ยง หรืออยู่กับครอบครัว ฯลฯ
7.ปล่อยวางเสียบ้าง
หลายคนเชื่อว่า ความไม่สมบูรณ์แบบนั่นแหละ คือความสมบูรณ์แบบที่จริงแท้ ดังนั้น หากคุณคิดว่า ทำงานยังไม่ดีพอ ก็ขอให้ใจเย็นๆ และค่อยเป็นค่อยไป อย่ากดดันตัวเอง รู้จักปล่อยวาง ผลก็คือคุณจะรู้สึกปลอดโปร่งและสบายใจ ความคิดสร้างสรรค์ดีๆ ก็จะเกิดขึ้น พร้อมกับความเบิกบานของจิตใจ
7 เคล็ดลับที่เลือกมาฝากกันนับเป็นข้อคิดที่น่าสนใจไม่น้อย และไม่ยากเกินไปที่คุณจะลองให้ความสนใจ เพื่อปรับเปลี่ยนมุมมองในการทำงานแบบ ใหม่ๆ
ที่มา : http://www.jobjob.co.th
