เงินเดือนและรายได้แต่ละเดือน ลดหย่อนภาษีอะไรได้บ้าง

เงินเดือนและรายได้แต่ละเดือน ลดหย่อนภาษีอะไรได้บ้าง

มาทำความเข้าใจ เงินเดือนหรือรายได้สำหรับลดหย่อนภาษี นั้นมีอะไรบ้าง สำหรับเงินหรือรายได้ในแต่ละเดือนที่เรียกว่าเงินได้พึงประเมิน นั้นสามารถนำไปลดหย่อนหักลดภาษีได้อย่างไรบ้าง และสามารถแบ่งออกได้กี่ประเภทมีอะไรบ้าง

อันดับแรกเราจำเป็นต้องหาเงินได้พึงประเมินในแต่ละเดือนของเราก่อนโดย เงินได้พึงประเมิน นั้นคือ  เงินเดือนหรือรายได้แต่ละเดือนที่เราได้ ก็ต้องนำมาคิดคำนวณด้วยเช่นกัน โดย เงินได้พึงประเมิน แบ่งออกเป็น 8 ประเภทดังนี้

  • เงินได้ประเภทที่ 1 ได้แก่ เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน

  • เงินได้ประเภทที่ 2 ได้แก่ เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้

  • เงินได้ประเภทที่ 3 ได้แก่ ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่น เงินปี หรือเงินได้ที่มีลักษณะ เป็นเงินรายปีอันได้มาจากพินัยกรรม นิติกรรมอย่างอื่น หรือคำพิพากษาของศาล

  • เงินได้ประเภทที่ 4 ได้แก่ ดอกเบี้ย เงินปันผล เงินส่วนแบ่งกำไร เงินลดทุน เงินเพิ่มทุน ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนหุ้น ฯลฯ

  • เงินได้ประเภทที่ 5 ได้แก่ เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน เงินหรือประโยชน์อย่างอื่น ที่ได้เนื่องจากการให้เช่าทรัพย์สิน การผิดสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน การผิดสัญญาซื้อขายเงินผ่อนซึ่งผู้ขายได้รับคืนทรัพย์สินที่ซื้อขายนั้นโดยไม่ต้องคืนเงินหรือประโยชน์ที่ได้รับไว้แล้ว

  • เงินได้ประเภทที่ 6 ได้แก่ เงินได้จากวิชาชีพอิสระ คือวิชากฎหมาย การประกอบโรคศิลป วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี ประณีตศิลปกรรม หรือวิชาชีพอื่นซึ่งจะได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดชนิดไว้

  • เงินได้ประเภทที่ 7 ได้แก่ เงินได้จากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนด้วยการจัดหาสัมภาระ ในส่วนสำคัญนอกจากเครื่องมือ

  • เงินได้ประเภทที่ 8 ได้แก่ เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง การขายอสังหาริมทรัพย์ หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในประเภทที่ 1 ถึงประเภทที่ 7 แล้ว

สมมติว่า นาย ออม พนักงานบริษัทเอกชน มีเงินเดือน 30,000 บาท เขาจะหักภาษีได้ ดังนี้

  • นายอดออม มีรายได้ทั้งปี 30,000 บาท x 12 เดือน = 360,000 บาท

  • เนื่องจาก “เงินเดือน” เป็นรายได้ตาม 40(1) ซึ่งสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ดังนั้น นายอดออม ต้องนำรายได้ทั้งปีมาคูณ 50% จะได้ 360,000 x 50% = 180,000 บาท

  • ถึงแม้กฎหมายจะบอกว่า หักได้ 50% ก็จริง แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท หมายความว่า นายอดออม จะหักค่าใช้จ่ายได้เพียง 100,000 บาทเท่านั้น

ค่าลดหย่อน ที่สามารถนำมาลดภาษีได้

เงินเดือนลดหย่อนภาษี

ค่าลดหย่อน เรียกแบบง่ายๆคือค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนที่เราเสียไปแต่จะต้องเป็นค่าลดหย่อนที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้

1. ค่าลดหย่อนของผู้มีเงินได้

  • ค่าลดหย่อนสำหรับผู้มีเงินได้ นำมาใช้หักลดภาษี หากเข้าเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด เช่น

  • ค่าลดหย่อนส่วนตัว

  • ค่าลดหย่อนในการเลี้ยงดูบิดามารดา

  • ค่าลดหย่อนเลี้ยงดูบูตรหรือดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน เป็นต้น

2. ค่าลดหย่อนจากการออมหรือการลงทุน

ค่าลดหย่อนสำหรับผู้มีเงินได้ เอาไปทำการลงทุน เอาไปฝากธนาคารเพื่อออมเงินในประกันชีวิตที่มีระยะเวลา 10 ขึ้นไปหรือกองทุนต่าง ๆ ตามที่ทางกฎหมายกำหนด เช่น

  • ประกันชีวิตระยะเวลาคุ้มครองเกิน 10 ปีขึ้นไป

  • กองทุน รวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)

  • กองทุน ออมเงินในกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)

3. ค่าลดหย่อนกรณีพิเศษจากรัฐ

ค่าลดหย่อนประเภทนี้จะเกิดก็ต่อเมื่อรัฐบาลสมัยนั้น ๆ มีนโยบายพิเศษออกมา ซึ่งมีความไม่แน่นอนต้องรอข่างจากทางรัฐบาลเท่านั้น เช่น

  • ค่าลดหย่อนในการซื้อบ้านหลังแรก

  • ค่าลดหย่อนโครงการช็อปช่วยชาติ

  • ค่าลดหย่อนโครงเที่ยวเมืองรอง

4. ค่าลดหย่อนจากการบริจาค

ค่าลดหย่อนนี้ทางกฎหมายต้องการตอบแทนคนที่เสียสละ บริจาคเงินเพื่อสาธารณประโยชน์ โดยผู้ที่บริจาคเงินให้แก่หน่วยงานหรือองค์กรซึ่งอยู่ในรายชื่อที่กรมสรรพากรประกาศไว้ จะสามารถนำเงินบริจาคมาลด หย่อนภาษีได้ เช่น

  • บริจาคเงินให้วัด

  • บริจาคเงินให้โรงเรียน

  • บริจาคเงินให้โรงพยาบาล

  • บริจาคเงินให้สถานเลี้ยงเด็กเร่ร่อน หรือมูลนิธิต่างๆ

  • (โดยจะต้องมีรายชื่อตามที่ทางกรมสรรพากรประกาศไว้เท่านั้น)

สามารถอ่าน บทความเกี่ยวกับภาษี และ บทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี้

ที่มา : www.moneyguru.co.th

 2038
ผู้เข้าชม
ทำเว็บธุรกิจ ทําเว็บขายของ ออกแบบเว็บไซต์ เว็บไซต์สำเร็จรูป SoGoodWeb

HR Articles

ผมเคยพบคนที่มีชื่อเสียงในแวดวงต่างๆ หลายๆ คน บางคนเป็นคนมีเสน่ห์ คุยแล้วชอบ บางคนพอเริ่มคุยก็เดินหนีห่างออกมา ไม่ชวนให้อยากคุยด้วยเลข การพูดคุยให้เป็นนี้ เป็นทักษะที่ควรหัดให้มีเอาไว้ เป็นการเสริมสร้างบุคลิกภาพและมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ทำให้ได้มิตรภาพมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การงานและสังคมที่ดีต่อไป ต่อไปนี้เป็นข้อแนะนำที่เลือกเอาไปใช้ได้ครับ
1955 ผู้เข้าชม
เงินเดือนเท่าไหร่ต้องเสียภาษี? เป็นอีกหนึ่งคำถามที่หลายคนสงสัยอยู่บ่อยๆ ถึงกับขั้นไปค้นหาใน Google กันจนฮิตติดกระแส แต่ความเป็นจริงแล้วมีหลักการคิดแบบนี้จ้า
1112 ผู้เข้าชม
กระบวนการสมัครงานของคุณได้ผ่านพ้นไปแล้วตั้งแต่ขั้นตอนการส่งประวัติส่วนตัวไปยังนายจ้างการสัมภาษณ์งานในแต่ละรอบ จนตอนนี้คุณคือผู้ถูกเลือกจากนี้ไปคุณต้องทำอะไรบ้าง ตรวจสุขภาพ บางบริษัทอาจส่งคุณไปตรวจร่างกาย ว่าคุณมีสุขภาพดีสามารถทำงานให้เขาได้หรือไม่ ซึ่งหากไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง ส่วนใหญ่ก็ไม่มีปัญหา ได้ทำงานแน่นอน หาผู้ค้ำประกัน หากเป็นงานในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับเงิน ๆ ทอง ๆ อาจต้องมีผู้ค้ำประกัน ซึ่งบางแห่งไม่อนุญาตให้ญาติเป็นผู้ค้ำประกัน ผู้สมัครงานจึงต้องหาผู้ใหญ่ที่เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับนับถือมาเป็นผู้ค้ำประกันให้ ทำสัญญาว่าจ้าง โดยทั่ว ๆ ไปเป็นสัญญามาตรฐานว่ามีการตกลงว่าจ้างงานกัน รวมถึงเรื่องอัตราค่าจ้าง ผลตอบแทนต่าง ๆ และข้อบังคับของบริษัท ทดลองงาน แม้คุณจะได้เข้าทำงานแล้ว แต่คุณยังไม่ได้เป็นพนักงานเต็มตัว ต้องผ่านการทดลองงานเสียก่อน โดยปกติแล้วใช้เวลา 3-6 เดือน จึงจะได้บรรจุเป็นพนักงานประจำ
3571 ผู้เข้าชม
“ภาษี” เป็นรายจ่ายตัวนึงที่สำคัญมากแล้วทุกคนต้องจ่าย นั่นก็คือ รายจ่ายเรื่อง “ภาษี” แต่ก็อย่างที่เรารู้กันว่าภาษีเป็นเรื่องที่ทุกคนยังไงก็ต้องจ่าย ไม่ว่าจะเป็นทางตรงอย่างช่วงต้นปีของทุกปีเราก็ต้องรายงานกับสรรพากรว่าเรามีรายได้เท่าไหร่ ต้องเสียภาษีเท่าไหร่ ถ้าใครจ่ายเกินไปก็ขอคืนได้ ถ้าใครจ่ายภาษีขาดไปก็จ่ายเพิ่ม หรือจะเป็นภาษีทางอ้อมที่บางครั้งก็จ่ายแบบไม่รู้ตัว
878 ผู้เข้าชม
Get started for free today. DEMO FREE 60 DAYS
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์