จัดสรรเงินซื้อประกัน กระจายความเสี่ยง…ลดหย่อนภาษี

จัดสรรเงินซื้อประกัน กระจายความเสี่ยง…ลดหย่อนภาษี

การซื้อ ประกัน ถือเป็นอีกเครื่องมือทางการเงินหนึ่งที่สามารถบริหารความเสี่ยงด้านสุขภาพและชีวิตในระยะยาว และยังสามารถนำเบี้ยประกัน มาหักลดหย่อนภาษีได้ด้วย เนื่องจากรัฐบาลต้องการส่งเสริมให้คนไทยทำประกันชีวิตเพื่อความมั่นคงในอนาคต 

แบบประกันที่สามารถหักลดหย่อนภาษี ได้แก่

1. ประกันชีวิตแบบปกติทั่วไป

จะถือเป็นสัญญาหลักของผู้เอาประกันซึ่งแบ่งเป็น3ประเภทดังต่อไปนี้

ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life)

จะมีระยะเวลาจ่ายเบี้ยค่อนข้างยาว เพราะให้ความคุ้มครองถึงอายุ 90/99 ปี ขึ้นกับรายละเอียดในเงื่อนไขกรมธรรม์นั้นๆ  ขณะที่ค่าเบี้ยจะไม่เพิ่มตามอายุ  รวมทั้งจะได้รับผลตอบแทนตามที่กำหนดไว้ โดยถือเป็นกรมธรรม์ที่ให้ความมั่นคงแก่คนในครอบครัวหรือผู้รับผลประโยชน์ได้รับเงินก้อนหากผู้เอาประกันเสียชีวิต

ประกันแบบชั่วระยะเวลา (Term)

จะเน้นความคุ้มครองระยะสั้น ข้อดีค่าเบี้ยต่ำมาก แต่จะเป็นการจ่าย”ทิ้ง”ในแต่ละปี ดังนั้นไม่สามารถเวรคืน หรือมีมูลค่าเงินสดไดิ ด้งนั้นแบบประกันนี้จะเหมาะคนมีงบประมาณจำกัด

ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endownment)

จะสามารถเลือกแบบได้ตั้งแต่ชำระเบี้ย 3 -5 ปี แต่มีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป โดยจะได้รับผลตอบแทนตามกำหนดของเงื่อนไขกรมธรรม์นั้นๆ ซึ่งประกันแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการออมเงินควบคู่กับการได้รับความคุ้มครอง

2. ประกันสุขภาพ

ซึ่งทุกวันนี้ บริษัทประกัน ต่างหันมานำเสนอตัวเลือกอย่างมากมาย จะเป็นสัญญาเพิ่มเติมด้านประกันสุขภาพให้เลือกซื้อ เพื่อตอบโจทย์ค่ารักษาเจ็บป่วยจนถึงนอนในโรงพยาบาล  โรคร้ายแรงต่างๆที่เป็นกันเพิ่มมากขึ้นทำให้มีความต้องการซื้อความคุ้มครองด้านประกันสุขภาพมากขึ้น  แม้ว่าทุกวันนี้ มนุษย์เงินเดือนจะมีสวัสดิการของที่ทำงานอยู่ แต่บางครั้งอาจไม่เพียงพอ

3. ประกันบำนาญ

เป็นการออมเงินระยะยาวเพื่อใช้หลังเกษียณอายุ ดังนั้น จะได้รับเงินคืนทุกปีในช่วงเวลาที่นับตั้งแต่อายุครบ 55 ปีขึ้นไป จนถึงระยะเวลาปี ที่กำหนดเงื่อนไขไว้ในกรมธรรม์นั้นๆ ตัวนี้ถือเป็นการสร้างบำนาญ ซึ่งผู้ซื้อจจะได้รับเงินใช้ในแต่ละเดือนนับตั้งแต่วันเกษียณอายุ  ซึ่งคุณก็สามารถสร้างเงินบำนาญของตัวเองได้ไม่แพ้ข้าราชการ และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเพียงเงินประกันสังคม หรือเงินช่วยเหลือจากภาครัฐ เช่น เงินสวัสดิการผู้สูงอายุ 60 ปี ที่ได้รับตั้งแต่ 600 บาทขึ้นไป ซึ่งแน่นอนว่าไม่เพียงพอใช้

4. แบบประกันควบการลงทุน (Unit-Linked)

ซึ่งจะแบ่งค่าเบี้ยส่วนหนึ่งลงทุนในกองทุนรวม ซึ่งสามารถจัดพอร์ตและเลือกลงทุนในกองทุนรวม และเบี้ยอีกส่วนหนึ่งจะเป็นค่าใช้จ่ายในการทำประกันคุ้มครองชีวิต สิ่งที่ได้จะเป็นผลตอบแทนจากการลงทุนกองทุนรวมควบคู่กับป้องกันความเสี่ยง แต่แบบประกันนี้จะมีความเสี่ยงสูงในการบริหารผลตอบแทน ซึ่งจะต่างกับแบบประกันข้างต้น ดังนั้นผู้ที่จะซื้อประกันแบบนี้ จึงต้องมีความรู้การลงทุนด้วย

สำหรับเบี้ยประกัน” ที่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษี มีดังนี้

1. เบี้ยประกันชีวิตแบบปกติ  สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ 100,000 บาท โดยจะเป็นเบี้ย”ประกันสุขภาพ”นำมาหักลดหย่อนฯได้ไม่เกิน 15,000 บาท

2. เบี้ยประกันบำนาญ สามารถนำหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด15%ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับเม็ดเงินที่ซื้อกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญ(กบข.) ด้วยกันแล้วจะต้องไม่เกินวงเงิน 500,000 บาท

ปัจจุบัน มีแบบ ประกันให้เลือกซื้อมากมายและหลากหลาย จนคนซื้อก็เลือกไม่ถูก ดังนั้น มาดูแนวทางการเลือกซื้อประกันกันบ้าง

1. สำรวจความต้องการและเป้าหมายของของตัวคุณเองว่า   อยากได้แบบประกันประเภทไหน

2. คุณต้องคำนึงถึงความสามารถในการจ่ายเบี้ย ซึ่งจะสัมพันธ์กับทุนประกัน และผลตอบแทนที่จะได้รับ

3. คุณได้มีการวางแผนทางการเงินสำหรับการจ่ายเบี้ยที่ดีหรือยัง

4. คุณสามารถปรึกษาตัวแทนประกันชีวิต นักวางแผนการเงินของบริษัทประกัน โบรกเกอร์ประกัน  ธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในการเลือก.ท้อประกันที่เหมาะสมกับตัวเอง ว่า จะเลือกซื้อประกันนั้นๆด้วยเหตุผลอะไร ตรงกับเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ รวมทั้งคุณต้องศึกษารายละเอียดของแต่ละแบบประกันที่ต้องการซื้อและเงื่อนไขต่างๆ ก่อนการตัดสินใจซื้อด้วย

ทั้ง 4 ปัจจัยนี้ จะช่วยให้คุณสามารถบริหารเงินและได้รับผลประโยชน์ที่คุ้มค่า

สามารถอ่าน  บทความเกี่ยวกับภาษี และ บทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี้

ที่มา : businesstoday.co

 981
ผู้เข้าชม
ทำเว็บธุรกิจ ทําเว็บขายของ ออกแบบเว็บไซต์ เว็บไซต์สำเร็จรูป SoGoodWeb

HR Articles

เข้าสู่ช่วงต้นปีเป็นช่วงที่ใครหลายคนมีการเริ่มวางแผนวางแผนการเงินสำหรับปี 2563 นี้ โดยสิ่งที่ไม่พูดถึงเลยไม่ได้คือเรื่องการยื่นภาษีสำหรับรายได้ในปี 2562 ที่ทุกคนที่มีรายได้ต้องยื่นภาษีเงินได้
2222 ผู้เข้าชม
Assessment Center หรือที่เรียกกันว่า ศูนย์การประเมินผล เป็นเทคนิคและวิธีการที่ใช้ในการประเมินศักยภาพและพฤติกรรมของบุคลากรในองค์กรเพื่อที่จะก้าวเข้าสู่สายงานในระดับบริหาร ด้วยวิธีการประเมิน การวัดและวิเคราะห์ผลในเรื่องทักษะ ความรู้ ความสามารถ และศักยภาพของบุคลากรในองค์กร โดยจะมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์หาพฤติกรรมด้านการบริหารจัดการ เช่น วิสัยทัศน์ การวางแผนงาน การแก้ไขปัญหาตัดสินใจ ความคิดเชิงกลยุทธ์ วัตถุประสงค์เพื่อที่จะคัดสรรผู้ที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมตรงกับความต้องการในแต่ละตำแหน่งงานอย่างแท้จริงและสอดคล้องกับทิศทางขององค์กรนั้นๆ ยิ่งในบางตำแหน่งงานซึ่งมีความสำคัญอย่างมากกับองค์กร อาทิเช่น CEO หรือในระดับ Top management องค์กรต้องมีวิธีการสรรหาและคัดสรรที่เหมาะสมที่สุดเพื่อที่จะนำพาองค์กรให้พัฒนาไปอย่างมีประสิทธิภาพ
2201 ผู้เข้าชม
HR (Human Resource) ตำแหน่งที่ต้องเจอทุกคน ต้องแก้ทุกปัญหา เป็นอาชีพที่ต้องใช้ทักษะในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า มีความรู้รอบด้าน เอาทั้งศาสตร์และศิลป์มาปรับใช้กับทุกสถานการณ์ที่ต้องเจอ ทำให้องค์กรหลาย ๆ แห่งมักจะมีตำแหน่งนี้อยู่ด้วยเสมอเพื่อจัดการความเรียบร้อยให้องค์กร
1440 ผู้เข้าชม
เรื่องของการทำให้พนักงานมีความสุขในการทำงานนั้น มีการพูดถึงกันมาก็หลายปีแล้ว มีองค์กรในประเทศไทยที่ทำหน้าที่ส่งเสริมให้องค์กรต่างๆ สร้างพนักงานให้มีความสุขในการทำงาน เพราะเชื่อว่า พนักงานที่มีความสุขในการทำงานนั้น จะสามารถสร้างผลงานที่ดีให้กับองค์กรได้อย่างต่อเนื่อง แต่ตรรกะนี้ เป็นจริงหรือ พนักงานที่มีความสุขในการทำงาน จะทำให้องค์กรมีผลงานที่ดีขึ้นจริงๆ หรือ
3044 ผู้เข้าชม
Get started for free today. DEMO FREE 60 DAYS
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์