• หน้าแรก

  • HR Articles (hide)

  • ยื่นภาษี แล้วหากต้องจ่ายเพิ่ม รู้ไหม!! ขอผ่อนชำระภาษีได้

ยื่นภาษี แล้วหากต้องจ่ายเพิ่ม รู้ไหม!! ขอผ่อนชำระภาษีได้

  • หน้าแรก

  • HR Articles (hide)

  • ยื่นภาษี แล้วหากต้องจ่ายเพิ่ม รู้ไหม!! ขอผ่อนชำระภาษีได้

ยื่นภาษี แล้วหากต้องจ่ายเพิ่ม รู้ไหม!! ขอผ่อนชำระภาษีได้

 

เชื่อว่าช่วงต้นปี หลายคนคงกำลังเตรียมเอกสารเพื่อทำการ ยื่นภาษี กับทางกรมสรรพากร  ซึ่งส่วนใหญ่ก็คงยื่นกันผ่านระบบออนไลน์ ยิ่งยื่นเร็ว เอกสารครบ ถ้าชำระภาษีไว้เกินกว่าที่กำหนด สิ่งที่ทุกคนรอคอยก็คือ การคืนภาษี

การได้เงินภาษีคืน อาจเป็นเหมือนได้โบนัสสำหรับบางคน เพราะเหมือนได้เงินก้อนหนึ่งกลับเข้ากระเป๋าเราแบบฟรี  สามารถนำไปใช้จ่ายตามความต้องการได้  ดังนั้นเพื่อให้ได้เงินคืน  ช่วงปลายปีหลายคนจึงพยายามหาสิทธิต่างๆ เพื่อนำมาลดหย่อน และหวังว่าเมื่อคำนวณแล้ว  เงินภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย จะเกินว่าเกณฑ์ที่ตัวเองได้เสียไป

แน่นอนว่าเมื่อคุณยื่นภาษี ไปเรียบร้อยแล้ว  เมื่อระบบคำนวณแล้วไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับเงินภาษีคืน  แต่จะมีอีกหลายคนที่ต้องชำระภาษีเพิ่ม  เนื่องจากภาษีที่เสียไปในรอบปี  ยังไม่ถึงตามเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด หรือเงินภาษีซึ่งหัก ณ ที่จ่ายตลอดทั้งปีที่ผ่าน ยังน้อยกว่าจำนวนภาษีที่คุณต้องจ่าย ตามเกณฑ์รายได้ที่สรรพากรกำหมด ถ้าคุณคือคนต้องจ่ายภาษีเพิ่ม รู้ไหมว่าเราต้องทำอะไรบ้าง

ยื่นภาษี แล้วต้องจ่ายเพิ่ม จ่ายที่ไหนได้

หากคุณยื่นเอกสารเรียบร้อย  และระบบแจ้งว่าคุณต้องชำระเพิ่ม  คุณสามารถจ่ายได้หลากหลายวิธีต่อไปนี้  เลือกได้ตามความสะดวก

ชำระด้วยเงินสด

กับเจ้าหน้าที่สรรพากร ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ต่างๆ ที่ตั้งอยู่  โดยเจ้าหน้าที่ จะออกหลักฐานใบเสร็จ แสดงการรับเงินภาษี และถือเป็นหลักฐาน แสดงการยื่นแบบแสดงภาษีให้กับเรา

จ่ายด้วยบัตรเครดิต

ซึ่งวิธีการนี้ คุณต้องไปยื่นชำระกับเจ้าหน้า ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ แต่การชำระด้วยบัตรเครดิตคุณต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมการจ่ายผ่านบัตรเอง และที่สำคัญไม่ใช่ทุกสาขาของสำนักงานสรรพากรจะรับชำระด้วยบัตร โดยมีเพียง 9 จังหวัดเท่านั้นที่รับชำระด้วยบัตรเครดิต คือ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ระยอง นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา และสระบุรี แต่ก็ไม่ใช่ทุกสาขาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนั้น  (เช็คข้อมูล สำนักงานสรรพากรพื้นที่ สาขาที่รับชำระด้วยบัตรเครดิต)

ชำระด้วยเช็คหรือดราฟ

โดยมีเช็คที่ชำระได้อยู่ 4 ประเภทคือ เช็คธนาคารแห่งประเทศไทย (เช็คประเภท ก.) , เช็คที่มีธนาคารค้ำประกัน (เช็คประเภท ข.) , เช็คที่ธนาคารเซ็นสั่งจ่าย (เช็คประเภท ค.) และ เช็คที่ผู้มีหน้าที่ชำระเงินภาษีอากรเป็นผู้เซ็นสั่งจ่าย และใช้ชำระโดยตรง (เช็คประเภท ง.)  ตรวจสอบรายละเอียดการชำระด้วยเช็คหรือดราฟต์

แต่การชำระด้วยเช็คหรือดราฟต์ จะมีเงื่อนไขที่สำคัญคือเรื่องเวลา โดยห้ามใช้เช็คลงวันที่ล่วงหน้า ห้ามใช้เช็คหรือดราฟต์โอนสลักหลัง  และห้ามใช้เช็คหรือดราฟต์ที่มีจำนวนเงินสูงกว่าจำนวนภาษีอากรที่ต้องชำระ

กรณียื่นที่ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา เช็คทุกประเภทหรือดราฟต์ ต้องลง วันที่ในเช็ค ในวันที่ยื่นแบบฯ หรือ ก่อนวันที่ที่ยื่นแบบฯ ไม่เกิน 15 วัน สำหรับเช็คประเภท ก. ข. ค. หรือดราฟต์ หรือไม่เกิน 7 วัน สำหรับเช็คประเภท ง.

กรณียื่นที่ธนาคาร/ที่ทำการไปรษณีย์ เช็คทุกประเภท หรือดราฟต์ที่ชำระภาษี ต้องลงวันที่ในเช็คในวันที่ยื่นแบบฯ หรือก่อนวันที่ยื่นแบบฯ ไม่เกิน 7 วัน

เมื่อกรมสรรพากร ได้รับเงิน ตามเช็ค หรือ ดราฟต์ครบถ้วนแล้วการชำระภาษี จะถือว่าสมบูรณ์ 

ชำระด้วยธนาณัติ

แต่ต้องเป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร หรือพูดง่ายๆ คือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในกรุงเทพฯ โดยส่งธนาณัติเท่ากับจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระ ไปพร้อมกับการ ยื่นภาษี โดยยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91 (ห้ามหักค่าธรรมเนียม ในการส่งธนาณัติ)

ขอผ่อนชำระภาษีได้ 3 งวด

ในกรณีที่คุณคิดว่า เงินภาษีที่คุณต้องชำระเพิ่มมีจำนวนค่อนข้างมาก และไม่สามารถชำระได้ในครั้งเดียว กรมสรรพากรกำหนดว่า ถ้ามีจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระจำนวนตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป  เราสามารถขอผ่อนชำระภาษีได้ โดยสามารถผ่อนชำระได้ 3 งวด แบ่งจ่ายงวดละเท่าๆ กัน  โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม

เช่น หากคุณต้องต้องชำระภาษี 6,000 บาท คุณก็ขอผ่อนจ่ายได้งวดละ 2,000 บาท 3 งวด 

โดยสามารถติดต่อขอผ่อนชำระกับเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา  โดยสามารถ ยื่นภาษี หรือยื่นแบบแสดงรายการ พร้อมกับชำระเงินในงวดแรกได้เลย

แต่สิ่งสำคัญคือหากคุณไม่ได้ชำระภายในเวลาที่กำหนดในงวดใดงวดหนึ่ง  คุณจะถูกตัดสิทธิการผ่อนชำระภาษีทันที  และต้องเสียเงินเพิ่มในอัตรา 1.5% ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีงวดที่เหลือ

เช่น หากคุณขอผ่อนชำระภาษี 6,000 บาท 3 งวด แบ่งจ่ายงวดละ 2,000 บาท  หากคุณจ่ายในงวดแรกไปแล้ว  แต่งวดที่ 2 คุณไม่ได้ชำระภายในเวลากำหนด  คุณจะถูกตัดสิทธิผ่อนชำระทันที  และต้องจ่ายเงินทีเหลือ 4,000 บาท ในครั้งเดียว พร้อมเสียเงินเพิ่มอีก 1.5%ต่อเดือน  นับจากวันที่ผิดนัดชำระถึงวันที่คุณนำเงินมาชำระ

ถ้าไม่ชำระในเวลากำหนด หรือชำระไม่ถูก ผิดอะไรบ้าง

หากคุณไม่ได้ชำระภาษีภายเวลากำหนด  หรือชำระไม่ถูกต้องตามกฎหมาย  จะมีบทลงโทษเกี่ยวกับภาษีอาการ  ที่คุ้นเคยกันก็คือ “เบี้ยปรับ หรือจ่ายเงินเพิ่ม”  แต่ขึ้นอยู่กับความผิดว่าร้ายแรงแค่ไหน  โดยบางความผิดอาจมีโทษทางอาญาร่วมด้วย

กรณีไม่ชำระภาษีภายในกำหนดเวลา จะต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน (เศษของเดือนให้นับเป็น 1 เดือน) ของเงินภาษีที่ต้องชำระนับแต่วันพ้นกำหนดเวลาการยื่นรายการจนถึงวันชำระภาษี

กรณีเจ้าพนักงานตรวจสอบออกหมายเรียก และปรากฏว่ามิได้ ยื่นภาษี หรือยื่นแบบแสดงรายการไว้หรือยื่นแบบแสดงรายการไว้แต่ชำระภาษีขาดหรือต่ำไป นอกจากจะต้องรับผิดชำระเงินเพิ่มแล้ว ยังจะต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับอีก 1 เท่าหรือ 2 เท่าของภาษีที่ต้องชำระแล้วแต่กรณี เงินเบี้ยปรับดังกล่าวอาจลดหรืองดได้ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี

กรณีไม่ยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.90, 91 หรือ 94 ภายในกำหนดเวลา ต้องระวางโทษปรับทางอาญาไม่เกิน 2,000 บาท

กรณีจงใจ แจ้งข้อความเท็จ หรือแสดงหลักฐานเท็จหรือฉ้อโกง เพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท

กรณีเจตนาละเลยไม่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร มีโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

หากใครที่กำลังเตรียมเอกสารในการยื่นแบบอยู่ และยังไม่แน่ใจว่ารายได้อะไรบ้างที่ต้องยื่นเสียภาษี แล้วมีสิทธิอะไรบ้างที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้  สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ ยื่นภาษี

เอาเป็นว่า การเสียภาษี เป็นหน้าที่ของทุกคน  และควรดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนให้ถูกต้อง  และก่อน ยื่นภาษี ควรเช็คเอกสารทุกอย่างให้ครบถ้วน  เพื่อป้องกันความผิดพลาด  หรือยื่นผิดโดยไม่เจตนา

สามารถอ่าน  บทความเกี่ยวกับภาษี และ บทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี้

ที่มา : businesstoday.co

 1764
ผู้เข้าชม
ทำเว็บธุรกิจ ทําเว็บขายของ ออกแบบเว็บไซต์ เว็บไซต์สำเร็จรูป SoGoodWeb

HR Articles

บทความนี้ขอพาคุณผู้อ่านมาเรียนรู้วิธีจัดการกับพนักงานที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ โดยเบื้องต้นเราต้องแยกพนักงาน ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. พนักงานไม่รู้ ไม่เข้าใจ 2. พนักงานรู้ แต่ประมาท ลืม หรือไม่ใส่ใจในงานอย่าง เพียงพอ และ 3. พนักงานที่เจตนาทำผิด เมื่อเราแยกพนักงานแต่ละคนออกเป็นกลุ่มๆ ตามการปฏิบัติงานแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ วิธีการจัดการกับพนักงานแต่ละกลุ่ม ซึ่งมี ดังนี้
977 ผู้เข้าชม
อาการแบบนี้เกิดขึ้นกับพนักงานของท่านหรือเปล่า - อาการป่วยเป็นนิจ ลากิจเป็นประจำ - อาการป่วยการเมือง - อาการป่วยจริง - ลางานเป็นประจำ หรือ ขาดงานอยู่บ่อยๆ จนหัวหน้าต้องตาม จะทำอย่างไร? เมื่อพนักงานของท่านขาดงาน
15821 ผู้เข้าชม
กระบวนการสมัครงานของคุณได้ผ่านพ้นไปแล้วตั้งแต่ขั้นตอนการส่งประวัติส่วนตัวไปยังนายจ้างการสัมภาษณ์งานในแต่ละรอบ จนตอนนี้คุณคือผู้ถูกเลือกจากนี้ไปคุณต้องทำอะไรบ้าง ตรวจสุขภาพ บางบริษัทอาจส่งคุณไปตรวจร่างกาย ว่าคุณมีสุขภาพดีสามารถทำงานให้เขาได้หรือไม่ ซึ่งหากไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง ส่วนใหญ่ก็ไม่มีปัญหา ได้ทำงานแน่นอน หาผู้ค้ำประกัน หากเป็นงานในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับเงิน ๆ ทอง ๆ อาจต้องมีผู้ค้ำประกัน ซึ่งบางแห่งไม่อนุญาตให้ญาติเป็นผู้ค้ำประกัน ผู้สมัครงานจึงต้องหาผู้ใหญ่ที่เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับนับถือมาเป็นผู้ค้ำประกันให้ ทำสัญญาว่าจ้าง โดยทั่ว ๆ ไปเป็นสัญญามาตรฐานว่ามีการตกลงว่าจ้างงานกัน รวมถึงเรื่องอัตราค่าจ้าง ผลตอบแทนต่าง ๆ และข้อบังคับของบริษัท ทดลองงาน แม้คุณจะได้เข้าทำงานแล้ว แต่คุณยังไม่ได้เป็นพนักงานเต็มตัว ต้องผ่านการทดลองงานเสียก่อน โดยปกติแล้วใช้เวลา 3-6 เดือน จึงจะได้บรรจุเป็นพนักงานประจำ
3485 ผู้เข้าชม
ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้กระแสเรื่องธุรกิจและกิจการต่าง ๆ ถูกโจมตี (disrupt) ไม่ว่าจะจากเทคโนโลยี คู่แข่งรายใหม่ หรือ แนวทางการทำธุรกิจแบบใหม่ (new business model) กำลังถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก
1817 ผู้เข้าชม
Get started for free today. DEMO FREE 60 DAYS
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์