ในบทความนี้ เปิดเผยข้อมูลอ้างอิงจากบทสัมภาษณ์ของ โช คอนโด หัวหน้า Talentmind หน่วยธุรกิจในเครือ AnyMind Group บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีทรัพยากรบุคคลระดับโลก ที่มาฉายภาพว่า ขั้นตอนการสรรหาทรัพยากรบุคคลแต่เดิมทำกันมาตั้งแต่ระบบจดบันทึกข้อมูลพนักงานส่วนบุคคล จนมาถึงยุคที่บริษัท องค์กรต่างๆ เริ่มให้ความสำคัญกับระบบการสรรหาคนเก่งหรือบุคลากรที่มีความสามารถสูง (Talent Management Systems) เพื่อขับเคลื่อนองค์กร ผลักดันงานให้ไปถึงเป้าหมายความสำเร็จได้เร็วขึ้น
โดยสาเหตุที่หลายองค์กร ยินดีมาลงทุนกับทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถสูง ก็เพราะศักยภาพการทำงานของคนเก่งส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า สร้างชื่อเสียงให้กับองค์กร นอกจากนั้น จากการสำรวจยังพบว่ากลุ่มบุคลากรที่มีความสามารถสูงนี้ ยังมีความจงรักภักดีกับองค์กรสูงกว่าพนักงานทั่วไป ทำให้องค์กรนั้นสามารถลดอัตราคนลาออกได้
ยิ่งไปกว่านั้น โช คอนโด ยังยืนยันเพิ่มเติมว่า ถ้าบริษัทนั้นมีระบบการจัดการคนเก่งที่มีประสิทธิภาพ ระบบนี้จะหนุนเสริมพัฒนาศักยภาพคนเก่งเหล่านี้ให้เก่งยิ่งขึ้นในสายอาชีพของพวกเขา ซึ่งเป็นการพัฒนาองค์กรโดยรวมให้มีความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว และในปัจจุบัน ก็มีการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบการจัดการการรับสมัครงาน หรือแพลตฟอร์มที่มีส่วนในการปรับปรุงการสรรหาและการจับคู่ผู้สมัครกับบริษัทที่เหมาะสมกัน โดยใช้เทคโนโลยี AI ปัญญาประดิษฐ์ นั่นเอง
เมื่อให้ โช คอนโด วิเคราะห์ทิศทางการบริหารทรัพยากรมนุษย์ หรือ HR Trend ของปีนี้ เขาอธิบายว่า ปัจจัยที่มีผลต่อทิศทางของงาน HR ปีนี้ ส่วนหนึ่งยังอิงกับการปรับองค์กรให้ตอบรับกับนโยบายของภาครัฐที่มุ่งเน้นการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม 4.0 ตอบโจทย์โลกยุค Disruptive Technology ที่เทคโนโลยียังส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน ใน 3 ประเด็นสำคัญต่อไปนี้
Employee Management System หรือระบบการบริหารจัดการข้อมูลพนักงานแบบใหม่ ที่หลายองค์กรใช้ในปีนี้ จะสามารถจัดการฐานข้อมูลพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างอัตโนมัติ ทั้งนี้ การบริหารจัดการนี้รวมถึงการจัดการการลา และการเข้างานประจำปีผ่านสเปรดชีตให้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยแพลตฟอร์ม AI ปัญญาประดิษฐ์ บวกกับการเพิ่มความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลผู้สมัครจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) ซึ่งจะเก็บข้อมูลได้มากขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่กล่าวมา
โดยประโยชน์ของการเก็บข้อมูลได้มากขึ้นนี้ เอื้อต่อการวิเคราะห์และจัดทำแผนการทำงานต่างๆ ได้มากขึ้น ลดความลำเอียง ปราศจากอคติของคนทำงาน สร้างระบบที่ไว้วางใจได้ มีความเป็นธรรม ตรงไปตรงมา ทำให้ได้ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับงานในตำแหน่งต่างๆ มากขึ้น ที่สุดแล้ว ย่อมเกิดบรรยากาศการทำงานที่สร้างสรรค์เพราะมีความพึงพอใจเกิดขึ้นทั้งกับนายจ้างและคนทำงาน
เนื่องจากบริษัทต่างๆ เริ่มให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับการปรับเอา AI มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการสรรหาคนให้ง่าย รวดเร็ว แม่นยำ และมีต้นทุนที่ลดน้อยลง ด้วยเหตุนี้ Recruiting Software จึงเข้ามามีบทบาทอย่างมากในฐานะตัวช่วยหรือเครื่องมือที่ทำให้ฝ่าย HR ในองค์กรทำงานง่ายขึ้น
จากเดิมที่ฝ่าย HR ต่างรู้กันดีว่า อุปสรรคสำคัญในกระบวนการสรรหาบุคลากรที่ผ่านมามีความซับซ้อน และมักจะมีความรู้สึกของมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องในการตัดสินใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กอปรกับการคัดเลือกผู้สมัครงานในบางตำแหน่งมีผู้สมัครเข้ามาจำนวนมาก ทำให้ฝ่าย HR หรือผู้ที่มีส่วนในการพิจารณา คัดเลือกผู้สมัครที่มีคุณสมบัตรตรงตามลักษณะงานที่ต้องการนั้น ต้องทำงานกันหนักและใช้เวลานานมาก
ด้วยเหตุนี้ AI จึงเข้ามาตอบสนองปัญหา อุปสรรคนี้ได้อย่างตรงจุด เนื่องจากโปรแกรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับงาน HR นี้ จะมีส่วนช่วยคัดเลือกผู้สมัครตามข้อกำหนดที่องค์กรตั้งไว้ โดยไม่มีอารมณ์มนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงเพิ่มความชัดเจน ลดคำครหาในกระบวนการคัดเลือกผู้สมัครงาน
แต่อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ดูยังเป็นข้อกังวลเกี่ยวกับการใช้โปรแกรม AI ที่ โช คอนโด ชี้ให้เห็นคือ การใช้ AI ในการคัดกรองพนักงาน อาจทำให้ได้พนักงานที่ขาดความเป็นมนุษย์ รวมถึงทักษะ Soft Skill ที่คนทำงานควรต้องมี ทำให้แทนที่จะได้มนุษย์ที่มีจิตใจมาทำงาน กลับได้มนุษย์ที่เป็นหุ่นยนต์มาทำงานแทนหรือไม่ ? ต่อความกังวลนี้ ทำให้การคัดเลือกบุคลากรในขั้นตอนสุดท้ายยังมีความจำเป็นต้องใช้มนุษย์เข้ามาตัดสินร่วมด้วย เพื่อบรรเทาความกังวลด้านนี้ไปก่อน จนกว่าจะสามารถพัฒนาโปรแกรม AI สำหรับงาน HR ที่มีความสามารถรอบด้านได้
เทคโนโลยีการทำงาน การประมวลผล และจัดเก็บข้อมูลบนระบบออนไลน์ ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลในระบบได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า คลาวด์ นั้น จะเข้ามาเปลี่ยนระบบการจัดเก็บข้อมูลมหาศาลของฝ่าย HR ในยุคนี้ โดยทำให้ข้อมูลต่างๆ ที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตไม่จำเป็นต้องมีฮาร์ดแวร์เครื่องใหญ่ไว้ประมวลผล รวมถึงเอกสารจำนวนมากที่คนทำงานฝ่าย HR ต้องใช้ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารสัญญา เอกสารสมัครงานต่างๆ ซึ่งเสี่ยงต่อการสูญหาย ก็สามารถอัปขึ้นจัดเก็บไว้ในระบบคลาวด์ หรือ Cloud Software ได้เลย และทุกคนที่เกี่ยวข้องก็สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ทุกที่ ทุกเวลาด้วย
ข้อมูลที่ว่านี้ รวมถึงข้อมูลวันลาที่ไม่ต้องใช้ใบลาแล้ว ขณะที่ HR สามารถรู้ได้อย่างรวดเร็วว่า พนักงานคนใดลาป่วย เมื่อไร สามารถอัปเดตข้อมูลเมื่อมีพนักงานได้เลื่อนตำแหน่ง ย้ายฝ่าย ซึ่งข้อมูลที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ที่สุดแล้ว จะช่วยให้องค์กรนั้นมีการวางแผนการพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่เข้าถึง ตอบโจทย์ พนักงานทุกฝ่ายในองค์กรได้มากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทรัพยากรบุคคลย้ำว่า “แน่นอนว่าเทคโนโลยีอย่าง AI มีส่วนช่วยให้การทำงาน การใช้ชีวิตของมนุษย์ง่ายขึ้น สะดวกสบายขึ้น แต่ก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขด้วยว่ามนุษย์จะปรับเอาเทคโนโลยีนี้ไปใช้อย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์อย่างไรด้วย
สามารถอ่าน บทความเกี่ยวกับHR และ บทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี้
ที่มา : www.salika.co