สืบสวน สอบสวนสไตล์ HR

สืบสวน สอบสวนสไตล์ HR

 

นักบริหารบุคคลหลายคน เมื่อต้องรับภารกิจในการค้นหาสอบสวนเมื่อมีการกระทำผิดที่เกิดในองค์กร หรือ Misconduct มักไม่สบายใจไม่อยากทำเพราะไม่ทราบจะทำอย่างไร  เรามีวิธสอบสวนสไตล์  HR มาแนะนำ


ทั้งนี้กระบวนการสืบสวน สอบสวนสไตล์ HR จะต้องเข้าใจถึงกฎ ระเบียบของสถานประกอบการ นอกจากนั้นยังมีกฎหมายแรงงานมาครอบอีกชั้นหนึ่ง

จากประสบการณ์ที่ผ่านงานมานานของผู้เขียน ขอแนะนำถึงสิ่งที่นัก HR ต้องเตรียมตัวในการทำหน้าที่สอบสวนเมื่อมีการกระทำที่ไม่ชอบมาพากลขึ้น และมีการรายงานมายังฝ่าย HR ดังนี้

ต้องถือหลัก What is Wrong? ก่อน แล้วจึงค่อยหา Who is Wrong? 

สืบหารายละเอียดเรื่องราวให้ปรากฏว่าอะไรเป็นอะไร เพื่อที่จะสามารถระบุคนที่เกี่ยวข้องได้ นั่นคือ หา What ก่อน แล้วจึงหา Who ขั้นตอนแรกที่สำคัญมากก็คือ 

วางแผนการตรวจสอบ 

การสืบเสาะค้นหาความจริง จะต้องถูกกำหนดแผนงานการตรวจหาอย่างคร่าวๆ ให้ได้ โดยแผนนั้นต้องมีความยืดหยุ่นหรือพร้อมปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ซึ่งแผนควรประกอบด้วยรายชื่อบุคคลที่จะเป็นคณะกรรมการสอบสวน (ซึ่งควรมีผู้ทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบด้วย) ฝ่ายบุคคล บุคคลที่เป็นกลาง มีอิสระในการทำงานและหรือต้นสังกัดของผู้ต้องสงสัย (หากมีคนอื่นก็ไม่จำต้องมี) ทั้งหมดต้องมีตำแหน่งหรือระดับชั้นที่สูงกว่าผู้ต้องสงสัย การสืบค้นเอกสารที่เกี่ยวข้อง ระยะเวลาของการสอบสวน (ยืดหยุ่นได้) รายชื่อคนที่ต้องเชิญมาให้ปากคำ กรอบของการค้นหาไต่สวน ในส่วนของเอกสาร หากปรากฏชื่อหรือลายเซ็นใครก็ตาม ถือว่าเป็นบุคคลที่ต้องนำมาสอบสวนด้วย จะในฐานะผู้ต้องสงสัยหรือพยานก็ได้ คนนอกหรือคนกลางน่าจะดีที่สุด แม้ว่าอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายพิเศษก็ตาม แต่หากเป็นกรณีเล็ก ๆ ไม่ซับซ้อนก็ไม่จำเป็น ทุกคนควรถือว่า ทุกกรณีถือเป็นความลับ คนที่ไม่เกี่ยวข้องจะไม่ได้ข้อมูลใด ๆ ทั้งสิ้น

การดำเนินการสอบสวน 

จะเริ่มต้นที่คณะกรรมการสนทนาตกลงกันเองก่อนว่า จะดำเนินการอย่างไร มีข้อสันนิษฐานอะไรหรือไม่ ใครบ้างที่อยากสอบสวน แง่มุมมองของแต่ละคนเป็นอย่างไร นัดวันสอบสวน แสดงเอกสารที่เกี่ยวข้องที่มี น่าจะมีอะไรเพิ่มเติมให้ลิสต์ไว้ ควรมีผู้จดบันทึกคำให้การทุกครั้ง แม้จะมีการอัดเทปด้วยก็ตาม ต้องมีการจัดทำรายงานการสอบสวน การให้ปากคำของทุกคนต้องบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรและให้เจ้าตัวอ่านทบทวนและลงนามรับรองทุกครั้ง ผู้มาให้ปากคำไม่ควรทราบว่ามีใครถูกเชิญมาบ้าง ให้การว่าอย่างไร มีคำแนะนำที่ขอย้ำว่า ในส่วนของเอกสารนั้น ควรแยกมาจัดเก็บเป็นพิเศษ จะให้ดีถ่ายเอกสารไว้สัก 2-3 ชุด อย่าเก็บรวมในที่เดียวกันเพื่อความปลอดภัย พึงระลึกว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ จากประสบการณ์เคยเลวร้ายขนาดมีการเผาทำลายเลยด้วยซ้ำในการสอบสวน 

การตระเตรียมคำถาม ประเด็นที่จะถาม 

เป็นเรื่องที่สำคัญมาก คณะกรรมการต้องทำการบ้านล่วงหน้า การจะมานั่งสนทนาไปเรื่อย ๆ นั้นจะทำลายประสิทธิภาพการสอบสวน การเตรียมคำถามล่วงหน้านั้นจะง่ายขึ้นหากได้ศึกษาวิเคราะห์พยานหลักฐานหรือเอกสารล่วงหน้า เช่น มีลายเซ็นปรากฏบนเอกสาร ก็ถามว่าทราบไหมนี่ลายเซ็นใคร เคยเห็นมาก่อนไหม เกี่ยวอย่างไร เหตุใดจึงมีลายเซ็นนี้ปรากฏ เวลาขึ้นศาลมีลายเซ็นใคร ศาลเรียกมาไต่สวนได้ ที่พาดพิงไปถึงศาลก็เพราะอยากบอกว่าต้องคิดเผื่อไว้เลย เราคาดไม่ได้ว่าเรื่องจะเลยไปถึงขั้นนั้นหรือไม่ อย่างไรก็ตามการทำทุกอย่างให้มีหลักฐาน มีลายลักษณ์อักษร เป็นเครื่องป้องกันการเสียเปรียบ ช่วยความจำ ใช้สมองจำอย่างเดียวไม่พอ


ดำเนินการสอบสวนไปจนได้เรื่องราวทั้งหมด ทุกอย่างน่าจะกระจ่าง ยิ่งมีพยานหลายปาก ความชัดเจนจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้น และข้อสำคัญผู้ต้องสงสัยเป็นพนักงานขององค์การเอง มิใช่อาชญากรที่ไหน อาจทำผิดเพราะประมาท เลินเล่อ พลาดพลั้งเพราะทนต่อกิเลสไม่ได้ ซึ่งเมื่อรู้รายละเอียดแล้วควรสอบถามถึงมูลเหตุจูงใจด้วย ไม่ใช่เพื่อให้เขาเล่านิยายชวนสงสารแล้วให้อภัยหรือยกโทษให้ แต่จะได้มองไกลไปถึงอนาคตของเขาด้วย


เรื่องราวเกิดขึ้นในองค์การ คณะกรรมการสอบสวนต้องทำหน้าที่ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ กล่าวคือเป็นทั้งตำรวจที่ต้องสืบหาตัวผู้กระทำผิด สอบสวน พิจารณาลงโทษเบ็ดเสร็จ ผู้สอบสวนจึงต้องมีความเป็นธรรม ยุติธรรม ไม่มีอคติ ไม่เอาความแค้นผูกใจเจ็บส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง ยึดกฎระเบียบขององค์การให้มั่นแล้วพิจารณาลงโทษไปตามนั้น หากโทษเกินอำนาจต้องส่งถึงผู้บังคับบัญชาระดับเหนือขึ้นไปอีก โดยสรุปรายงานให้ชัดเจน รายงานการสอบสวนที่บันทึกไว้แต่ละครั้ง เพื่อให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจสามารถศึกษาและใช้ดุลพินิจได้อย่างเหมาะสม


ในกรณีที่จัดว่าร้ายแรงมีความเสียหายจำนวนสูง บางองค์การนำเรื่องสู่กฎหมายบ้านเมือง เช่น การฉ้อโกง การทุจริต การลักทรัพย์ เป็นคดีทางอาญามาเกี่ยวข้อง ต้องพึ่งพาศาลยุติธรรม บรรดาหลักฐาน รายงานการสอบสวนจะช่วยให้การทำงานของเจ้าหน้าที่สะดวกขึ้น หรือถ้าผู้ถือหุ้น ผู้มีส่วนได้เสียต้องการทราบรายละเอียดก็ต้องอ้างอิงจากหลักฐานรายงานเหล่านั้นเป็นหลัก


สุดท้ายที่ลืมไม่ได้คือ องค์การยังต้องอยู่ภายใต้กฎหมายแรงงาน การดำเนินการใด ๆ ต้องระวังมิให้ขัดต่อกฎหมาย ไม่รุกล้ำสิทธิของพนักงาน ให้เกียรติ ยอมรับในสิทธิมนุษยชน ตรงไหนจะต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ สร้างบรรยากาศแรงงานสัมพันธ์ที่ดีก็ต้องทำ ตรงไหนจะต้องใช้หลักนิติศาสตร์ก็ใช้ให้เหมาะสม


อย่ามองข้ามความรู้สึกของพนักงานคนอื่น ๆ ที่เป็นเพื่อนพ้องน้องพี่ของผู้กระทำผิด รวมทั้งต้องใคร่ครวญตรวจสอบด้วยว่า ในกฎระเบียบขององค์การนั้นมีข้อใดที่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายฉบับไหนบ้างหรือไม่ เพราะอาจจะย้อนมาทำร้ายองค์การได้อีกทางหนึ่ง

สามารถอ่าน บทความเกี่ยวกับHR และ บทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี้

ที่มา : www.dharmniti.co.th

 1823
ผู้เข้าชม
ทำเว็บธุรกิจ ทําเว็บขายของ ออกแบบเว็บไซต์ เว็บไซต์สำเร็จรูป SoGoodWeb

HR Articles

เคยได้ยินคำว่า Flexible Time กันอยู่บ่อย ๆ ว่าแต่เอ๊ะ มันคืออะไร ?? พูดถึงเรื่อง Time ในองค์กร ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการเข้า – ออกตามกะงานต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าปัจจุบันองค์กรส่วนใหญ่ก็ยังคงมีการกำหนดขอบเขตการลงเวลาเข้า – ออกที่เป็นเวลาตายตัวที่องค์กรกำหนดไว้เท่านั้น ...แต่ก็มีบางองค์กรที่นำ “ระบบการลงเวลาทำงานแบบยืดหยุ่น” หรือ “Flexible Time” มาปรับใช้
18373 ผู้เข้าชม
1.ไม่เป็นไร ผิดพลาดกันได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ทำงานผิดพลาดแล้วยังจะมานั่งโทษตัวเองให้เหนื่อยทำไม ให้กำลังใจตัวเองเพื่อทำงานชิ้นต่อไปดีกว่า ยิ่งเรามัวจมกับความผิดพลาดเดิม ๆ เราก็จะทำงานอื่นต่อไม่ได้ สู้เอาความผิดพลาดมาทำให้ถูกต้องในงานชิ้นใหม่ดีกว่า สัจธรรมของชีวิตที่ต้องจำไว้อย่างหนึ่งก็คือ ไม่มีใครจำเรื่องของคนอื่นนานหรอก ถึงใครจะว่าเรามากมายแค่ไหน แต่พอเดินพ้นหน้าเราไปเขาก็ต้องคิดเรื่องอื่นแทน แล้วเราจะมาลงโทษตัวเองอยู่ทำไม 2.งานไม่ได้หนักทุกวันสักหน่อย เดี๋ยวก็ได้พักแล้ว เวลางานล้นมือเราอาจท้อ แต่ท้อไปงานก็ไม่เสร็จ ลุกมาทุ่มเททำให้เสร็จ ๆ ไปดีกว่า เหนื่อยแค่ไหนเดี๋ยวก็ได้พัก และสิ่งที่เราต้องทำเมื่องานเยอะ คือจัดระเบียบเส้นตายของงานแต่ละชิ้น เจรจาต่อรองถ้าคิดว่าจะไม่เสร็จตรงเวลา แล้วก็ค่อย ๆ ทำไปทีละงาน เดี๋ยวดีเอง 3.ถึงจะไม่เก่งงานนี้ แต่เราก็พยายามเต็มที่แล้ว บ่อยครั้งที่เราได้รับมอบหมายงานที่ไม่ถนัด ก็คิดเสียว่าไม่เป็นไร ทำให้เต็มที่ แต่ก่อนทำก็บอกคนที่มอบหมายหน่อยว่าไม่ค่อยถนัดนะ แต่จะทำเต็มที่ ผิดพลาดอะไรก็บอกได้ เขาจะได้ไม่คาดหวังมาก แต่ถ้าทำออกมาแล้วดีก็ถือเป็นกำไร อย่าเสียใจที่ทำงานบางประเภทไม่เก่ง เพราะเราก็อาจจะเก่งในงานประเภทอื่นก็ได้ จำไว้ว่าปลาอาจจะว่ายน้ำเก่งกว่าลูกสุนัข แต่ปลาก็วิ่งไม่ได้เหมือนกัน ถ้าปลาตัวหน่งจะโดดขึ้นมาบนบกแล้วคืบคลานจนถลอกปอกเปิกก็คงไม่มีใครว่าอะไร เพราะมันเป็นปลาจริงไหม
1252 ผู้เข้าชม
นายปรี๊ดค้นเจอบทความชิ้นหนึ่งของผู้เขียน ชื่อ นาเดีย กูดแมน จากเว็บไซต์ ideas.ted.com ซึ่งเป็นบทสัมภาษณ์ ดร.เคลลี่ แมคกอนิกัล (Kelly McGonigal) อาจารย์สาขาจิตวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยสแตนด์ฟอร์ด ผู้เขียนหนังสือ “The Willpower Instinct” ซึ่งถูกแปลมากว่า 10 ภาษาและประสบความสำเร็จมากในประเทศญี่ปุ่น เป็นหนังสือสไตล์ฮาวทู (how to) เผื่อใช้จัดการวินัยในตนเอง บนฐานคิดและหลักฐานการทดลองทางวิทยาศาสตร์ เพื่อสร้างความสำเร็จแก่ตนเอง
1273 ผู้เข้าชม
จากสถิติประชากรศาสตร์ของประเทศนั้น จะเห็นว่า อีก 15 ปีข้างหน้า คนไทยอายุเกิน 60 ปี จะมีมากถึง 1 ใน 4 ของประเทศ ทำให้มีการผลักดันการแก้กฎหมาย โดยมีการเพิ่มมาตรา 118/1 ให้ถือว่าการเกษียณอายุเป็นการเลิกจ้างตามมาตรา 118 วรรค 2 เพื่อให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้าง และกำหนดอายุของการเกษียณอายุไว้ที่ 60 ปีบริบูรณ์
2560 ผู้เข้าชม
Get started for free today. DEMO FREE 60 DAYS
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์