ทรัพยากรมนุษย์ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จและองค์กรบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ในยุคนี้องค์กรจึงหันมาใส่ใจทรัพยากรมนุษย์เป็นอย่างมาก เพื่อรักษาพนักงานของตนไว้ รวมถึงลดอัตราการลาออกให้น้อยที่สุดด้วย หนึ่งในสิ่งที่องค์กรต้องคำนึงถึงไม่แพ้เรื่องอื่นๆ ก็คือ “ความพึงพอใจของพนักงาน (Employee Satisfaction)” ซึ่งนั่นเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งที่จะทำให้พนักงานสามารถทำงานอยู่ร่วมกับองค์กรได้อย่างมีความสุข และอยู่ในระยะยาว ยิ่งไปกว่านั้นหากบุคลากรขององค์กรมีความพึงพอใจต่อองค์กรมากเท่าไร โอกาสที่พวกเขาเหล่านั้นจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็สูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งมันจะส่งผลต่อการบรรลุความสำเร็จขององค์กรที่จะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้สูงและรวดเร็วได้เช่นกัน
การนิยามความพึงพอใจในกรณีนี้นั้นจะขอนิยมความหมายเบื้องต้นของความพึงพอใจและความหมายในเชิงชี้เฉพาะเจาะจงสำหรับการปฎิบัติงาน ซึ่งนิยามได้ดังนี้
มีปัจจัยมากมายที่สามารถสร้างความพึงพอใจในการทำงานให้กับบุคลากรได้ ขณะเดียวกันปัจจัยเหล่านี้ก็กลับเป็นตัวแปรสำคัญที่จะสร้างความไม่พอใจในการทำงาน จนเป็นเหตุให้ทำงานในองค์กรได้อย่างไม่ราบรื่นและไม่มีความสุข ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเหตุผลที่ทำให้พนักงานตัดสินใจลาออก หรือย้ายองค์กรได้เช่นกัน เราลองมาดูปัจจัยเหล่านี้กันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
คนคือทรัพยากรที่สำคัญขององค์กร คนมีส่วนช่วยทำให้การทำงานประสบความสำเร็จได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ในขณะเดียวกันคนนี่แหละที่สร้างปัญหาให้กับองค์กรได้มากที่สุด การที่องค์กรมีบุคลากรที่ดีมาร่วมงานย่อมทำให้องค์กรเต็มไปด้วยคนที่มีคุณภาพและมีศักยภาพ ซึ่งจะส่งเสริมให้ทุกคนเกิดความสุขในการทำงานได้ และช่วยสร้างความพึงพอใจในการทำงานทั้งในระดับบุคคลและระดับองค์รวมได้เป็นอย่างดีทีเดียว
หากเราได้ทำงานที่เรารัก หรือถนัด เรามีโอกาสที่จะมีความสุขในการทำงานได้มากกว่าทำงานที่เราไม่ชอบ หรือไม่ถนัด การได้ทำงานที่อยากทำแล้วมีความสุขนั้นจะส่งผลให้เกิดความพึงพอใจที่มีประสิทธิภาพที่สุด เพราะเมื่อมีความสุขในการทำงานแล้วก็จะส่งผลถึงความพึงพอใจในสิ่งอื่นๆ ได้ง่าย ไปจนถึงความพึงพอใจในองค์กรเลยทีเดียว
ในโลกที่พัฒนาก้าวหน้าทุกวัน หลากหลายองค์กรมีแผนการพัฒนาองค์กรและบุคลากรอย่างจริงจัง องค์กรที่ไม่มีการพัฒนาองค์กรที่ดี หรือไม่มีโอกาสความก้าวหน้าให้พนักงานเห็น ไม่ส่งเสริมให้พนักงานก้าวหน้าหรือพัฒนา ก็ย่อมมีผลทำให้พนักงานเกิดความไม่พึงพอใจต่องานที่ทำ และไม่พึงพอใจต่อองค์กรได้ เพราะมนุษย์ล้วนแล้วแต่ต้องการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ดังนั้นบุคลากรก็จะไปหาที่ที่ตนเองได้พัฒนาก้าวหน้ากว่า ก็จะเกิดการย้ายงาน ย้ายองค์กรได้
เรื่องเงินตลอดจนอัตราจ้างและสวัสดิการเป็นสิ่งสำคัญและละเอียดอ่อนมาก องค์กรที่มีการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่ดีจะมีการใส่ใจเรื่องนี้อย่างละเอียดรอบคอบและจริงจัง การจ้างงานในอัตราที่เหมาะสมกับภาระหน้าที่ ตลอดจนการให้สวัสดิการที่คุ้มค่า มีส่วนเป็นอย่างมากที่จะทำให้พนักงานพึงพอใจในงานที่ทำและองค์กรที่ตนทำงานอยู่ ซึ่งส่งผลให้เกิดการทำงานในระยะยาว และความจงรักภักดีต่อองค์กรได้เช่นกัน แล้วนี่ก็เป็นปัจจัยลำดับต้นๆ ที่มีผลต่อความพึงพอใจของพนักงานมากที่สุดอีกด้วย
การมีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีนั้นจะช่วยให้บุคลากรเกิดความพึงพอใจในการทำงานได้ง่าย และสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีจะส่งผลให้ทำงานได้อย่างมีความสุข การทำงานมีประสิทธิภาพขึ้นได้ และเกิดความพึงพอใจในการทำงานและองค์กรในที่สุด สภาพแวดล้อมในการทำงานนั้นแบ่งได้สองมิติใหญ่ๆ ดังนี้
ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ที่มีหน้าที่ในการบริหารงานบุคคลนั้นมีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะสร้างความพึงพอใจ หรือสร้างความไม่พอใจให้กับพนักงานได้ง่าย การบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยเสริมสร้างความพึงพอใจได้ดี ตั้งแต่เรื่องอัตราจ้าง, สวัสดิการ, โปรแกรมการพัฒนาบุคลากร, ไปจนถึงสารทุกข์สุขดิบต่างๆ หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจสร้างความประทับใจได้ง่าย หรือหากละเลยก็อาจสร้างความรู้สึกแย่ๆ ลดความพึงพอใจได้ง่ายเช่นกัน
บางครั้งปัจจัยของความไม่พึงพอใจในการทำงานและองค์กรก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บริษัทหรือธุรกิจในขณะนั้น อย่างกรณีบริษัทที่เกิดข่าวหรือภาพลักษณ์ในเชิงลบ ถูกกระแสสังคมโจมตี ก็อาจทำให้พนักงานลดความพึงพอใจในบริษัทลงได้ หรือกรณีที่ผลประกอบการย่ำแย่ ขาดทุนอย่างหนัก ไม่ได้รับการขึ้นเงินเดือน ก็อาจทำให้พนักงานไม่พึงพอใจได้ หรือสถานการณ์ที่บริษัทเป็นรองคู่แข่ง ก็อาจทำให้พนักงานรู้สึกไม่พึงพอใจองค์กร อยากย้ายงาน หรือแม้กระทั่งการพัฒนาให้องค์กรก้าวหน้าเร็วเกินไปเพื่อให้ทันกับโลกและคู่แข่งจนไม่ดูความพร้อมของภายในองค์กร ก็อาจทำให้พนักงานรู้สึกตามไม่ทัน เครียด กดดัน ไม่พอใจองค์กร ตลอดจนรู้สึกว่าตนเองไม่เหมาะสมกับองค์กรที่ปรับเปลี่ยน ทำให้อยากลาออก ย้ายงาน ได้เช่นกัน
ปัจจุบันองค์กรหลายองค์กรมีการวัดความพึงพอใจของพนักงานอยู่เสมอ เพื่อที่จะตรวจดู Feedback ของพนักงานอยู่ตลอดเวลา โดยการวัดความพึงพอใจของพนักงานสามารถทำในรูปแบบแบบสอบถามหรือแบบประเมินได้ ทั้งยังสามารถทำในระบบเอกสารไปจนถึงระบบออนไลน์ได้เช่นกัน โดยสามารถทำได้ตามกระบวนการดังนี้
การตั้งประเด็นสำรวจความพึงพอใจเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนั่นคือข้อมูลที่อยากรู้ตามวัตถุประสงค์การทำการสำรวจนั่นเอง องค์กรควรตั้งประเด็นในการสำรวจให้ครอบคลุมรอบด้าน เพื่อที่จะตรวจดู Feedback ในหลากหลายมิติ และเข้าใจปัญหาขององค์กรได้หลายหลายมิติเช่นกัน ประเด็นต่างๆ ที่ควรทำการสำรวจมีดังนี้
จัดทำแบบสำรวจความพึงพอใจขึ้นให้มีความเหมาะสม ถูกต้อง ครบถ้วน และสามารถวัดความพึงพอใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยองค์กรควรเลือกแบบสำรวจความพึงพอใจให้เหมาะกับองค์กรของตน หรือลักษณะที่ต้องการวัดผลให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งแบบสำรวจที่นิยมมีลักษณะดังนี้
บบสำรวจนี้มักจะแบ่งระดับความพึงพอใจเป็น 5 ระดับ โดยมีค่ากลางเป็นมาตรฐานชี้วัด วัดระดับที่สูงขึ้นและต่ำลงมาอีกสองระดับ เพื่อประเมินระดับความพึงพอใจได้อย่างละเอียดชัดเจนขึ้น และแต่ละระดับจะมีดีกรีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากวัดจากสิ่งที่แย่ที่สุดไปยังสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งทั้ง 5 ระดับก็ได้แก่ … ไม่พอใจมาก > ไม่พอใจ > เฉยๆ > พอใจ > พอใจมาก
แบบสำรวจนี้จะเป็นการให้คะแนนความพึงพอใจ โดยมากจะเป็นคะแนน 5 ระดับ และ 10 ระดับ ให้ผู้ที่ถูกสำรวจชั่งน้ำหนักเพื่อให้คะแนนความพึงพอใจในเรื่องนั้นๆ ว่าควรได้รับคะแนนที่ระดับเท่าใด โดยความหมายของระดับคะแนนนั้น ฝั่งคะแนนน้อยที่สุดมักจะหมายถึง ความไม่พึงพอใจมากที่สุด และฝั่งคะแนนมากที่สุดมักจะหมายถึง ความพึงพอใจมาก
แบบสำรวจนี้จะเป็นการสำรวจความพึงพอใจแบบปลายเปิด คือให้ผู้ถูกสำรวจระบุเอง เสนอแนะได้อย่างอิสระ และให้รายละเอียดที่ชัดเจน ตรงประเด็นขึ้น
ข้อเสนอแนะ
______________________________________________________________________
______________________________________________________________________
______________________________________________________________________
อย่างไรก็ดีการทำแบบสำรวจความพึงพอใจในแต่ละครั้งนั้นอาจเลือกเอาแบบใดแบบหนึ่ง หรือใช้ผสมร่วมกันตามความเหมาะสมได้ โดยเฉพาะการสำรวจแบบคำถามปลายเปิดที่ให้เขียนข้อเสนอแนะนั้นมักจะนำไว้ตอนท้ายเพื่อเก็บตกเรื่องราวหรือประเด็นต่างๆ ตามแต่ละบุคคลเสมอ
ขั้นต่อมาก็คือการเลือกวิธีทำการสำรวจให้เหมาะสม ซึ่งในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ะละองค์กร โดยวิธีการสำรวจที่นิยมนั้นมี 2 วิธีใหญ่ๆ ดังนี้
ขั้นตอนสุดท้ายเป็นสิ่งสำคัญมาก หลังจากทำแบบสำรวจเสร็จเรียบร้อยแล้วก็คือขั้นตอนของการประมวลผลข้อมูล และสรุปผลให้มีประสิทธิภาพที่สุด หากผู้ประมวลผลขาดความรู้ในการประมวลผลข้อมูลที่ดี สรุปผลที่นำไปใช้ประโยชน์ได้ดี ก็อาจทำให้การสำรวจมาทั้งหมดสูญเปล่าได้ ดังนั้นควรเลือกคนที่มีความเข้าใจ และมีศักยภาพในการสรุปผล ตลอดจนสามารถแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมได้ มาทำตรงจุดนี้ และสิ่งสุดท้ายที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด ก็คือการนำผลประเมินไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ทั้งในส่วนของฝ่ายต่างๆ และองค์กรเองก็ตาม รวมถึงแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องที่พบให้เร็วที่สุดด้วย นั่นจึงจะเป็นการสำรวจความพึงพอใจที่มีประสิทธิภาพที่สุด และสร้างความพึงพอใจให้บุคลากรอย่างแท้จริง
องค์กรควรรักษาระดับความพึงพอใจของบุคลากรไว้ให้อยู่ในระดับที่ดีและมีทัศนคติในเชิงบวกเสมอ ตลอดจนควรส่งเสริมให้บุคลากรในองค์กรเกิดความพึงพอใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน การสร้างความพึงพอใจให้กับบุคลากรนั้นเกิดขึ้นได้ในหลากหลายมิติ ดังนั้นองค์กรที่มีการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่ดีย่อมสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับพนักงานได้เป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน เมื่อพนักงานเกิดความพึงพอใจในงานที่ทำ ก็จะเกิดความตั้งใจ ทุ่มเทในงาน และเกิดความสุขในการทำงาน ที่ส่งผลให้เกิดความพึงพอใจในองค์กรได้ แล้วความพึงพอใจนี่ล่ะที่เป็นเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้เป็นพลังผลักดันให้องค์กรประสบความสำเร็จได้อย่างไร้ขีดจำกัด
ความพึงพอใจในการทำงานตลอดจนความพึงพอใจในองค์กรนั้นช่วยให้บุคลากรอย่างร่วมงานกับองค์กรในระยะยาว ลดอัตราการออกจากงานได้ ทำให้บริษัททำงานได้ราบรื่น สม่ำเสมอ ต่อเนื่อง และทำให้การทำงานสัมฤทธิ์ผลได้สูง ความพึงพอใจในการทำงานนี้ยังมีประโยชน์อีกมากมายที่องค์กรควรใส่ใจ รวมถึงสำรวจความพึงพอใจของพนักงานอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อดูแนวโน้มของ Feedback ของพนักงานที่มีต่อองค์ว่าดีหรือแย่ง บวกหรือลบ ทั้งนี้ก็เพื่อการรักษาความพึงพอใจให้คงอยู่ ตลอดจนหาวิธีสร้างความพึงพอใจให้เพิ่มขึ้น ตลอดจนหาวิธีทางแก้ไขปัญหา อุดรอยรั่วได้ทัน กรณีที่เกิดวิกฤตที่จะลดระดับความพึงพอใจของพนักงาน
สามารถอ่าน บทความเกี่ยวกับHR และ บทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี้
ที่มา : th.hrnote.asia