การทำประเมินผลสวัสดิการนั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี และเพื่อหลากหลายวัตถุประสงค์ เราสามารถทำการประเมินผลโดยวิธีทำแบบสอบถาม ทำการสำรวจออนไลน์ ไปจนถึงการสัมภาษณ์ ซึ่งแต่ละกระบวนการมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป เราอาจมาลองดูกันว่าการประเมินผลสวัสดิการนั้นสามารถที่จะทำเพื่อวัตถุประสงค์ใดได้บ้าง
การประเมินความพึงพอใจสามารถทำแบบสอบถามขึ้นมาได้ ซึ่งนี่เป็นวิธีการมาตรฐานอยู่แล้ว แต่แบบสอบถามควรใส่ใจในคำถามที่ถามและควรได้ประโยชน์จากการทำที่แท้จริง การทำแบบสอบถามนั้นควรมีทั้งปลายปิด และปลายเปิด เพื่อให้บุคลากรทุกคนได้แสดงความคิดเห็นที่หลากหลายได้
การสำรวจความพึงพอใจต่อการทำงานหรือสวัสดิการนั้นหากองค์กรไหนต้องการทำอย่างสม่ำเสมอ มีความถี่ อาจเลือกการทำแบบสอบถามแบบออนไลน์ก้ได้ ทั้งนี้เพื่อความรวดเร็วและประหยัดงบประมาณมากขึ้นได้ด้วย ลักษณะการตั้งคำถามอาจเป็นแบบปลายปิดและปลายเปิดในลักษณะเดียวกันกับการทำแบบสอบถามปกติ หรืออาจนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆ เพิ่มเติมด้วยก็ได้เช่นกัน
การเชิญบุคลากรมาสัมภาษณ์นั้นเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด เพราะสามารถสอบถามข้อมูลทุกอย่างได้โดยตรง รู้การตอบรับได้โดยตรง รู้ปฎิกิริยาได้ชัดเจนกว่าเพราะเป็นการสื่อสารแบบเห็นหน้ากัน สามารถซักถามรายละเอียดได้เพิ่มเติมหากต้องการรู้ข้อมูลในเชิงลึกเพิ่ม หรือแม้แต่บุคลากรสามารถเสนอความคิดเห็นได้เต็มที่ แต่อย่างไรก็ตามวิธีการนี้ก็ถือว่าเป็นการเสียเวลาที่สุดด้วยเช่นกัน ยิ่งถ้าเป็นองค์กรใหญ่ยิ่งทำได้ยากขึ้น แต่ก็เป็นวิธีการที่ดีที่ควรทำด้วยเช่นกัน โดยอาจเลือกด้วยการสุ่ม หรือเลือกจากคนที่คิดว่าเหมาะสมที่จะให้ข้อมูลก็ได้ หรือเกิดจากการทำแบบสอบถามหรือสำรวจออนไลน์มาแล้ว ก็เรียกคนที่น่าสนใจมาสอบถามเพิ่มเติมก็ได้ การสัมภาษณ์นั้นยังให้ประโยชน์ด้านอื่นเพิ่มเติมอีกเช่นกัน สามารถที่จะสอบถามเรื่องการทำงาน และสำรวจความพึงพอใจอื่นๆ ต่อยอดไปได้เช่นกัน หรือใช้จิตวิทยาสังเกตประเด็นอื่นๆ ของพนักงานได้อีกด้วย
พนักงานในองค์กรหลายๆ องค์กรมักจะบ่นเสมอถึงเรื่องการที่ฝ่ายบุคคลไม่เอาใจใส่ต่อเรื่องสวัสดิการเลย หรือไม่ก็ทำไมไม่จัดสวัสดิการดีๆ ให้เหมือนกับบริษัทอื่นๆ เขาบ้าง หรือสักแต่ว่าจะจัดสวัสดิการให้โดยที่ไม่เคยติดตามประเมินผลว่ามันดีหรือเปล่า พนักงานได้รับประโยชน์หรือเปล่า หรือพนักงานได้ใช้สวัสดิการนั้นหรือเปล่า ซึ่งการทำประเมินผลสวัสดิการนั้นมีประโยชน์มากมายดังนี้