• หน้าแรก

  • HR Articles (hide)

  • Assessment Center เลือกอย่างไร? ให้ได้ผู้บริหารที่จะนำองค์กรไปสู่เป้าหมาย

Assessment Center เลือกอย่างไร? ให้ได้ผู้บริหารที่จะนำองค์กรไปสู่เป้าหมาย

  • หน้าแรก

  • HR Articles (hide)

  • Assessment Center เลือกอย่างไร? ให้ได้ผู้บริหารที่จะนำองค์กรไปสู่เป้าหมาย

Assessment Center เลือกอย่างไร? ให้ได้ผู้บริหารที่จะนำองค์กรไปสู่เป้าหมาย

Assessment Center หรือที่เรียกกันว่า ศูนย์การประเมินผล เป็นเทคนิคและวิธีการที่ใช้ในการประเมินศักยภาพและพฤติกรรมของบุคลากรในองค์กรเพื่อที่จะก้าวเข้าสู่สายงานในระดับบริหาร ด้วยวิธีการประเมิน การวัดและวิเคราะห์ผลในเรื่องทักษะ ความรู้ ความสามารถ และศักยภาพของบุคลากรในองค์กร โดยจะมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์หาพฤติกรรมด้านการบริหารจัดการ เช่น วิสัยทัศน์ การวางแผนงาน การแก้ไขปัญหาตัดสินใจ ความคิดเชิงกลยุทธ์  วัตถุประสงค์เพื่อที่จะคัดสรรผู้ที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมตรงกับความต้องการในแต่ละตำแหน่งงานอย่างแท้จริงและสอดคล้องกับทิศทางขององค์กรนั้นๆ ยิ่งในบางตำแหน่งงานซึ่งมีความสำคัญอย่างมากกับองค์กร อาทิเช่น CEO หรือในระดับ Top management องค์กรต้องมีวิธีการสรรหาและคัดสรรที่เหมาะสมที่สุดเพื่อที่จะนำพาองค์กรให้พัฒนาไปอย่างมีประสิทธิภาพ

Assessment Center แตกต่างจากเครื่องมือประเมินอื่นในแง่ความเป็นบูรณาการ  โดยประเมินหลายสมรรถนะ หลายวิธีการ เช่น

  • การสัมภาษณ์
  • การให้ผู้เข้ารับการประเมินนำเสนอผลงานจากโจทย์ที่กำหนด (Oral Presentation Excercises)
  • การทำแบบทดสอบในการบริหารจัดการงาน (In-basket Excercises)
  •  การระดมสมองเพื่ออภิปรายกรณีศึกษา (Group Discussions)
  • การแสดงบทบาทสมมุติ  (Role Play) ในสถานการณ์จำลองเพื่อประเมินวิธีการคิด วิเคราะห์ และการตัดสินใจในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ใน  Assessment Center จะถูกออกแบบให้มีความใกล้เคียงกับบริบทของงานในตำแหน่งที่จะแต่งตั้ง เพื่อให้โอกาสผู้เข้ารับการประเมินได้แสดงออกถึงพฤติกรรมที่บ่งชี้ถึงสมรรถนะที่จำเป็นต่อตำแหน่ง โดยประเมินสมรรถนะมากกว่าหนึ่งสมรรถนะ และเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าผู้เข้ารับการประเมิน (Assessee) สามารถแสดงพฤติกรรมที่บ่งชี้สมรรถนะที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานในอนาคต โดยจะมีผู้ประเมิน (Assessor) หลายคนคอยสังเกตพฤติกรรมของผู้เข้ารับการประเมินหนึ่งคน และเมื่อสิ้นสุดกิจกรรมผู้ประเมินแต่ละคนให้คะแนนแต่ละกิจกรรม ผู้ประเมินจะอภิปรายพฤติกรรมของผู้เข้ารับการประเมินถึงผลการให้คะแนน เรียกว่า การซักฟอก  (Wash up)  ผลการประเมินจบที่คะแนนเป็นเอกฉันท์ (Consensus) โดยผู้ประเมินควรจะมาจากหลายหน่วยงาน ไม่จำเป็นจะต้องมาจากฝ่ายบุคคลเท่านั้น แต่ควรจะเป็นผู้บริหารที่มีอำนาจในการตัดสินใจในการกำหนดนโยบายการดำเนินงานของหน่วยงาน ซึ่งผู้ประเมินทุกคนจะต้องได้รับการฝึกอบรมให้เข้าใจถึงแนวทาง ขั้นตอนการประเมินและการให้ข้อมูลป้อนกลับแก่ผู้เข้ารับการประเมิน

สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งซึ่งองค์กรมิอาจจะมองข้ามได้คือ “ทัศนคติของผู้ประเมินและผู้เข้ารับการประเมิน” ปัญหาที่มักจะพบได้บ่อยในการประเมินคือ การที่ผู้ประเมินไม่เข้าใจในวิธีการประเมินอย่างถูกต้อง ไม่รู้วิธีการในการใช้เครื่องมือประเมินอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการที่ผู้ประเมินใช้ความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องในการประเมิน ในขณะที่ผู้เข้ารับการประเมินเองก็ไม่ยอมรับในผลของการประเมิน ปัญหาเหล่านี้สามารถถูกขจัดออกไปได้ ถ้าองค์กรทำการสื่อสารอย่างชัดเจน โดยให้ความรู้แก่บุคลากรที่เกี่ยวข้องรวมถึงพนักงานทั้งหมดเพื่อให้เกิดเข้าใจที่ตรงกันเกี่ยวกับการนำ Assessment Center เข้ามาใช้ในองค์กร

นอกจากนี้แล้วแนวคิดของ Assessment Center ยังเปรียบเสมือนการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตให้กับองค์กร เพราะสิ่งที่สำคัญคือผู้ประเมินที่ทำหน้าที่วิเคราะห์ว่าบุคลากรที่เข้าร่วมศูนย์การประเมินผลมีจุดแข็งและจุดอ่อนในเรื่องใด ข้อมูลที่วิเคราะห์ได้นั้นผู้ประเมินจะต้องให้ข้อมูลป้อนกลับผลการประเมินแก่ผู้เข้ารับการประเมิน เพื่อให้บุคคลเหล่านี้รับรู้และหาแนวทางในการพัฒนาปรับปรุงความสามารถของตนเองให้ดีขึ้นตามที่องค์การต้องการ และองค์กรสามารถประเมินผู้เข้ารับการประเมินมีความพร้อมในการที่จะเลื่อนตำแหน่ง หรือควรที่จะต้องเพิ่มเติมทักษะและความสามารถในด้านใด ซึ่งจะนำไปสู่การวางแผนการจัดทำแผนพัฒนาบุคลากรเป็นรายบุคคล (Individual Development Plan) ต่อไป


ที่มา : jobdst.com

 2735
ผู้เข้าชม
ทำเว็บธุรกิจ ทําเว็บขายของ ออกแบบเว็บไซต์ เว็บไซต์สำเร็จรูป SoGoodWeb

HR Articles

หลาย ๆ ท่านคงคุ้นเคยกับแนวคิดการบริหารคนจากต่าง Gen กัน วันนี้เราจะสรุปไว้เป็น 4 Gen และจะดูไปด้วยกันว่าในแต่ ละวัฒนธรรม (ไทยญี่ปุ่น จีน อเมริกัน) นั้นมีลักษณะแต่ละ Gen เหมือนหรือต่างกันอย่างไรด้วยครับ โดยการแบ่ง Gen ไมได้ หมายความว่ามี เส้นแบ่งโดย เด็ดขาด ว่า Gen ไหนก็จะต้องเป็นแบบนั้น แต่เป็นการบอกแนวโน้ม บอกความน่าจะเป็น ของกลุ่มคนโดยส่วนใหญ่ใน Gen นั้นเท่านั้น การแบ่ง นั้น บางตําราแบ่งเป็น 8 Gen คือ ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง มี 3 Gen และหลังสงครามโลกครั้งที่สอง มี 5 Gen รวมกันเป็น 8 Gen แต่บางตำราแบ่งเป็น 5 Gen คือเหมารวมพวกก่อนสงครามโลกครั้งที่สองเป็น 1 Gen และ พวกหลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็น 4 Gen
3545 ผู้เข้าชม
แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในคริสต์ศตวรรษที่21มีแนวโน้มที่จะพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มี ความสามารถใกล้เคียงกับมนุษย์ เช่น การเข้าภาษาสื่อสารของมนุษย์ โครงข่ายประสาทเทียม ระบบจำลอง ระบบเสมือนจริง โดยพยายามนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้นลดข้อผิดพลาดและป้องกันไม่ให้นำไป ใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมาย แนวโน้มในด้านบวก • การพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมโยงกันทั่วโลก ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ช่องทางการดำเนินธุรกิจ เช่น การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การผ่อนคลายด้วยการดูหนัง ฟังเพลง และบันเทิงต่างๆ เกมออนไลน์ • การพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถฟังและตอบเป็นภาษา พูดได้ อ่านตัวอักษรหรือลายมือเขียนได้ การแสดงผลของคอมพิวเตอร์ได้เสมือนจริง เป็นแบบสามมิติ และการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส เสมือนว่าได้อยู่ในที่นั้นจริง • การพัฒนาระบบสารสนเทศ ฐานข้อมูล ฐานความรู้ เพื่อพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญและการจัดการความรู้ • การศึกษาตามอัธยาศัยด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-learning) การเรียนการสอนด้วยระบบโทรศึกษา (tele-education) การค้นคว้าหาความรู้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงจากห้องสมุดเสมือน (virtual library) • การพัฒนาเครือข่ายโทร คมนาคม ระบบการสื่อสารผ่านเครือข่ายไร้สาย เครือข่ายดาวเทียม ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ทำให้สามารถค้นหาตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ • การบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่ายการสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ ดำเนินการของภาครัฐที่เรียกว่า รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-government) รวมทั้งระบบฐานข้อมูลประชาชน หรือ e-citizen
164154 ผู้เข้าชม
HR คือส่วนงานแรกขององค์กรที่ต้องเจอกับคลื่น Digital Disruption ส่งผลให้หลายองค์กรหันมามุ่ง Transform สู่ Digital HR เปิดเทรนด์ประเทศไทยและทั่วโลก พบคนส่วนใหญ่หันหน้าสู่อาชีพฟรีแลนซ์มากกว่าทำงานประจำ
1741 ผู้เข้าชม
ตัวอย่างการเขียนเรซูเม่งานโปรแกรมเมอร์ สมประสงค์ พงพันอาภา 45/54ถนน ลาดพร้าว แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. 10900 โทร 02-512-1212, 085-522-5555 surapongsa@hotmail.com จุดมุ่งหมายทางอาชีพ • สามารถนำวิชาความรู้ด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มาใช้ในการออกแบบพัฒนาเว็บไซต์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้เว็บไซต์มากที่สุด การศึกษา • พ.ศ. 2545 - 2548 • ปริญญาตรี วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัย............... • เกรดเฉลี่ย 3.50 ประสบการณ์ • พ.ศ. 2551- ปัจจุบัน รับงานอิสระ ออกแบบเว็บไซต์ เขียนโปรแกรมและพัฒนาเว็บไซต์ พ.ศ. 2548-2552 โปรแกรมเมอร์ บริษัท.................... เขียน Web application โดยใช้ภาษา php หรือ asp.net กิจกรรม • พ.ศ. 2545 – 2548 สมาชิกชมรมคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ของมหาวิทยาลัย ความสามารถด้านภาษา • สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดี • คะแนน TOEIC 560 ความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ • มีความรู้เกี่ยวกับ Database MSSQL,MySQL • มีทักษะในการใช้ภาษา PHP หรือ ASP.NET (VB, C#) เป็นอย่างดี • มีความรู้และเข้าใจใน HTML, XML, JAVA Script, CSS ความพร้อมในการเริ่มงาน • เริ่มงานได้ทันที
22178 ผู้เข้าชม
Get started for free today. DEMO FREE 60 DAYS
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์