น้องใหม่ทำงานอย่างไรจึงจะสำเร็จ

น้องใหม่ทำงานอย่างไรจึงจะสำเร็จ


     ปัญหาของคนที่เพิ่งจะเริ่มงานในที่ทำงานใหม่อยู่ที่ไม่รู้ ว่าใครเป็นใคร ใครคิดอย่างไรกับเรา และเขาคิดยังไงกันเอง น้องใหม่จึงเหมือนจะเหมือนกลายเป็นเดิมพันสำหรับคนเก่าๆ ว่า จะยอให้มันเข้าพวก หรือจัดการให้มันพ้นไปจากที่นี่ซะ น่าเห็นใจนะคะ ดังนั้น น้องใหม่จึงต้องเตรียมการหลายอย่าง


     เคยดูหนังเรื่อง What woman want นางเอกมีประสบการณ์จากที่ทำงานอื่นมาแล้วอย่างโชกโชน แต่ครั้นมาทำงานที่ใหม่ก็ยังต้องถูกรับน้อง เสียหลายประการ กว่าที่จะพิสูจน์ตนเองแล้วชนะใจคนทำงานในที่ทำงานใหม่ได้ แทบจะต้องยอมแพ้

สิ่งแรกที่นางเอกในเรื่องทำคือ อะไร ทราบไหมค่ะ คือ การเตรียมบุคลิกภาพ

1. ยิ้มแย้มแจ่มใสเปิดใจรับฟังจากทุกคน
     เราอาจจะโชคไม่ดีเหมือนนางเอกในเรื่องนี้ตรงที่เธอเข้าไปในฐานะผู้บริหารคนหนึ่ง ต่อให้ไม่ต้องยิ้มแย้มแจ่มใส ใครต่อใครก็ต้องยิ้มแย้มให้เธออยู่แล้ว แต่เราสิ อาจเป็นน้องใหม่ในคนระดับทำงานเล็กๆ เจอทั้งเพื่อนใหม่ นายใหม่ ทั้งผู้ใหญ่ที่เก่า และเก๋า โอ๊ย  ราวกับหลุดเข้าไปในสงครามย่อยๆ

     แต่รอยยิ้มจะช่วยได้มากค่ะทั้งนี้ไม่จำเป็นว่าจะต้องยิ้มพร่ำเพรื่อ เรี่ยราดไปทั่วทุกตัวคนหรอกนะคะ เพียงแต่เมื่อแนะนำให้รู้จักใครแล้ว ก็ยิ้มให้เขา หากเป็นผู้ใหญ่ก็ยกมือไหว้ ทักทายพร้อมกันแนะนำว่าตนเองชื่ออะไร จะมาร่วมงานส่วนไหน พร้อมทั้งออกตัวอย่างน่ารักว่า คงต้องให้ทุกคนช่วยชี้แนะด้วย เพราะยังใหม่มาก อาจต้องขอคำปรึกษาบ่อยๆ หวังว่าจะไม่เป็นการรบกวนนะคะ

     งานแรกของนางเอกคนนี้คือรับฟัง เธอเปิดการประชุม แนะนำตัวเอง กล่าวถึงภารกิจใหม่ที่ทีมได้รับมอบหมาย จากนั้นของทำความรู้จักกับทุกคน และฟังความคิดเห็นจากทุกคน คนเก่าๆก็รู้สึกดี และผ่อนคลายขึ้นในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

2. มาดดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
     พร้อมกันนี้ยังต้องมีมาดของคนที่มั่นใจในตนเองระดับหนึ่ง แต่อย่ามากถึงกับข่ม และอย่าน้อยจนดูเหมือนแหย่ คือ มีมาดที่แสดงให้เห็นว่าเราพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็น ความรู้สึก และคำแนะนำจากทุกคน แต่ไม่ได้หมายความว่าเปิดกว้างต่อการถูกข่มขู่ หรือกลั่นแกล้งได้ ไม่ใช่ว่าไม่รู้อะไรมาเลย รู้อยู่พอตัว แต่ใหม่มากสำหรับที่นี่ หวังว่าจะมาช่วยเสริมการทำงานอย่างเต็มที่ จึงอยากฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคน และเราจะร่วมกันทำงานให้มีประสิทธิภาพต่อไป

     ความมั่นใจในตัวเองนั้นต้องแฝงไว้ด้วยความอ่อนน้อม และสดใส ไม่จำเป็นต้องเคร่งขรึมเคร่งเครียด พยายามศึกาว่าใน สายงานนี้ใครเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ถัดๆมามีการกระจายอำนาจ และการความรับผิดกันอย่างไรไร และพยายามไม่สร้างความขัดแย้งในสายอำนาจเก่าๆ แต่ต้องปรับตัวเข้ากับทุกคนอย่างกลมกลืน พยายามศึกษางานจนกระทั่งคุ้นเคย และปรุโปร่ง อาสาช่วยงาน คนอื่นด้วย พร้อมๆ กับเรียนรู้งานไปด้วย ก็จะดูน่ารักกว่า

     หากคนเก่าออกอาการกีดกัน ไม่สอนงานให้ ให้แสดงออกอย่างเปิดเและจริงใจว่า คุณจะมาเป็นส่วนหนึ่งของทีม ไม่ได้มาแย่งงานใคร แต่ทางที่ดีดที่สุดคือ ถามผู้บังคับบัญชาตั้งแต่วันแรกว่าคุณจะเรียนรู้งานได้จากใคร และหากมีปัญหาจะต้องปรึกษาใคร พยายามชักนำให้เกิดการแนะนำตัวกันเสียตั้งแต่แรก และมีความชัดเจนถึงการ ขึ้นตรงเสียตั้งแต่แรก อย่างนี้ความเกรงใจก็จะเกิดขึ้น อย่างเป็นระบบ โดยไม่ต้องกระทบกับฐานะอำนาจของคนเก่าๆ

3. ปิดจุดอ่อนอย่างแน่นหนา และเปิดจุดอ่อนอย่างมีกาลเทศะ
     จำไว้ว่าจุดอ่อนอะไรที่คนเก่าเขาจะให้ติติงโจมตีได้ ต้องระมัดระวัง และป้องกันให้หมด ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของระเบียบของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย เวลาเริ่มงาน เวลาเลิกงาน การใช้อุปกรณ์สำนักงาน เหล่านี้เป็นต้น แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายถึงว่าจะเห็นคนเก่าเป็นศัตรูหรือฝ่ายตรงข้าม เราเพียงมุ่งกำจัดจุดอ่อนของเราเท่านั้นเอง

     หากมีโอกาสใช้ความสามารถของตนเองช่วยผู้อื่นแก้ปัญหา ก็จงหาจังหวะที่เหมาะสมอาสา ว่าของลองดูสักหน่อย อย่าลืมการพูดจา ทักทายที่หลายคนอาจใช้เป็นข้ออ้างว่าหยิ่ง ไม่มีมนุษย์สัมพันธ์ ในช่วยแรกนั้นอย่างไปวุ่นวายวอแวกับใครมากนัก ให้โฟกัสที่งานเป็นหลัก อย่าทำตัวโดดเด่นจนเป็นเป้า ระหว่างนั้นก็มีการปฏิสัมพันธ์ตามสมควร สักระยะหนึ่งเราจะแยกแยะเองว่าใครจะเปิดกว้างต้อนรับเรา มีอัธยาศัยที่ดีกับเรา และคนอื่นๆ ถึงตอนนั้นก๊กก๊วนที่ควรสังกัดก็จะปรากฏให้เลือกได้เอง


4. งานต้องเป็นหัว ส่วนตัวต้องเป็นหาง
     พยายามเรียนรู้งานให้เร็ว และวิเคราะห์แยกแยะ จุดดีจุดอ่อนของขบวนการทำงาน เพื่อที่ตนเองจะได้เห็นภาพทั้งเชิงกว้าง และลึกของวัฒนธรรมองค์กร เพื่อที่จะปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมในองค์กรได้ ครั่นมีโอกาสเสนอแนวทางปรับปรุงแก้ไข ก็จะได้ชี้ให้ทุกๆคนเห็นแนวทางดังกล่าวนั้นอย่างเป็นระบบ และน่ารับฟัง การงานให้เสร็จจะส่งงานตรงหร่อก่อนเวลาที่กำหนด อ่านเพิ่มเติม:การทำงานให้เสร็จทันในแต่ล่ะวัน

     พยายามอ่านให้ออกว่าตำแหน่งงานที่เขารับเราเข้ามานั้น เขาต้องการอะไรจากเรา แล้วตอบสนองจุดนั้นก่อน เช่นเขาต้องการรับเราเข้ามาเพื่อช่วยเสริมทัพ ไม่ให้งานหนักไปตกอยู่กับคนอื่นๆแค่นั้น ในระยะแรกก็พยายามตอบโจทย์นี้ให้สำเร็จ บทบาท หรือท่าทีในเชิงรุก หรือการเสนอความคิดใหม่ๆ ให้เก็บไว้รอโอกาสที่เหมาะสม หรือโอกาสที่จะเปิดขึ้น ซึ่งอาจเป็นการประชุมช่วยสิ้นปี หรือประชุมปรับปรุงแผนการทำงาน เราก็ค่อยเสนอเข้าในที่ประชุมได้ แต่ถ้าเขาคาดว่าคนใหม่จะเข้ามาช่วยเปิดเกมรุกก็จงศึกษาปัญหาที่มีดั้งเดิม จุดแข็งที่มีอยู่แล้วให้ถ่องแท้ แล้วเสนอแผนงานในเชิงรุกได้ภายหลังจากที่แน่ใจ และศึกษาแลกเปลี่ยนกับผู้ที่เกี่ยวข้องมาแล้วเป็นอย่างดี

     ส่วนความสัมพันธ์นั้น ในระยะแรกก็เป็นการสร้างความสัมพันธ์ แบบกว้าง คือดีกับทุกคน ศึกษาทุกคน เปิดรับทุกคน ไม่ปิดกั้น ไม่เลือกก๊วน จนกระทั่งรู้จักธรรมชาติของแต่ละคนดีพอ ในระดับหนึ่ง กลมกลืนเป็นคนนของบริษัทได้แล้วระดับหนึ่ง ก็ค่อยเลือกว่าคนที่น่าคบ คือ ใคร แล้วสานต่อมนุษย์สัมพันธ์ในเชิงลึกได้ บางคนได้เจอมิตรแท้ที่ทำงานก็เยอะแยะไปค่ะ

     เหตุที่ดิฉันแนะนำให้เปิดเป็นมนุษย์สัมพันธ์แบบเปิดกว้างในช่วงแรกก็เพราะว่าเรายังใหม่เกินกว่าจะรู้ว่าใครคิดยังไงกับใคร และเราจะตกไปเป็นเครื่องมือ แห่งความขัดแย้งของกลุ้มเก่าๆ หรือ ไม่ ดังนั้น วางตนเองเป็นกลางๆ มุ่งเรียนรู้งาน และเป็นน้องใหม่ที่น่ารักสำหรับทุคนนั้นดีที่สุด

5. สร้างเสน่ห์ให้กับตนเอง
     สังคมไทยไม่ว่าจะใหญ่หรือย่อย เรื่องของระบบอาวุโสยังเป็นสิ่งที่สำคัญ บุคลิกภาพแบบรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ คือ สิ่งแรกที่เราต้องคำนึง การทำความเคารพ และมารยาทสังคมเล็กๆน้อยๆ คือ สิ่งที่จะช่วยให้คนใหม่ในที่ทำงานเป็นที่รักได้

     การรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่ได้หมายถึงการประจบประแจง หรือเข้าหาเพียงแต่ให้ความสำคัญกับผู้ที่อาวุโสกว่าด้วยความอ่อนน้อมรับฟัง เห็นความสำคัญ ชื่นชมอย่างจริงใจ หากมีสิ่งที่น่าชื่นชม ฯลฯ คือ ธรรมชาติที่สังคมแบบเคารพอาวุโสเรียกหา

     เสน่ห์อีกประการหนึ่งที่ต้องสร้างก็คือ สร้างความชัดเจนในความเป็นตัวเอง แน่นอนค่ะ คนเก่าๆ ย่อมหมายตาว่า ฉันจะดึงมันมาเป็นพวกเราให้ได้ หรือไม่ก็เตรียมตัวผลักไสให้มันไปฝ่ายตรงข้าม แต่หากเราแสดงออกอย่างชัดเจนว่า เรายึดความถูกต้องเป็นสำคัญนะ ความรู้สึกส่วนตัวจะไม่อยู่เหนือความถูกต้อง ความหวาดระแวง หรือกลไกป้องกันตัวเองของคนเก่า ๆ ก็จะคลายตัวลง และเชื่อมั่นในหลักการของเรา แบบเรา จนกระทั่งปล่อยเราให้พ้นจากการเป็นพรรคพวกใครได้

     ที่เหลือคือหลักการทั่วๆ ไป คือ มาดดี บุคลิกดี ต่างกายดี พูดจาดี ความคิดดี จิตใจดี มีมารยาทในการเข้าสังคม มีความมั่นใจในตนเอง รู้จักงานที่ทำอย่างถ่องแท้ กระตือรือร้น เป็นยอดนักเรียนรู้ มีน้ำใจ ไม่เอนเอียง หรือเอารัดเอาเปรียบคนอื่น

    สุดท้ายแล้วการคิดแบบใหม่ก็มีส่วนที่จะช่วยให้ทำงานสำเร็จได้ อ่านเพิ่มเติม:การคิดแบบใหม่ (New Thinking) หากเราวางตัวรอบคอบ และผ่อนคลายได้อย่างนี้ คิดว่าคงไม่มีสงครามอะไรเกิดขึ้นในช่วงของการเริ่มต้นงานใหม่ในที่ทำงานใหม่แน่นอนค่ะ

     และหากว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังจะเริ่มต้นทำงานใหม่ในที่นี้ ก็ขออวยพรให้โชคดีนะคะ



ที่มา นิตยสาร At Office

 2417
ผู้เข้าชม
ทำเว็บธุรกิจ ทําเว็บขายของ ออกแบบเว็บไซต์ เว็บไซต์สำเร็จรูป SoGoodWeb

People Management

ไม่พบรายการที่คุณค้นหา
Get started for free today. DEMO FREE 60 DAYS
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์