อยากทำงานรุ่ง ต้องทำตัวแบบไหน ?
เชื่อว่าคำถามนี้ มนุษย์เงินเดือนที่ก้มหน้าก้มตาทำงานต่างกำลังควานหาคำตอบกันยกใหญ่ บางคนรู้แน่แก่ใจ แต่ประพฤติปฏิบัติตนเพื่อความรุ่งโรจน์ของชีวิตไม่ได้ด้วยเหตุผลนานับ บางคนยิ่งแล้วใหญ่ เช้าชามเย็นชามกับการทำงาน อย่างนี้อย่าเอาเลยค่ะความรุ่งโรจน์ ชีวิตจะร่วงวันร่วงพรุ่งยังไม่รู้ตัวอีก
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย ทำงานไปวันๆ แบบเฉื่อยๆ เนือยๆ ปล่อยชีวิตให้ไปตามยถากรรม แล้วอย่าได้มานั่งคิด นั่งหวังเชียวว่า เมื่อไหร่หนอ ชีวิตฉันจะประสบความสำเร็จ มั่นคงยาก-ก-ก หน่อยล่ะค่ะ ทำงานแบบไม่กระตือรือร้น ไม่คึกคัก ไม่ตั้งใจ อย่างนี้ความก้าวหน้าในอาชีพคงไม่เกิดขึ้นกับคุณง่ายๆ
ถ้าคุณเป็นคนรักความก้าวหน้า อยากก้าวสู่ตำแหน่งงานสูงขึ้น ได้รับค่าตอบแทนที่น่าพอใจ คงต้องหาเทคนิคหรือวิธีการดีๆ ให้กับตัวเอง เพื่อสร้างความก้าวไกลในชีวิตบนหนทางการทำงานที่ราบรื่นและงดงามกว่าใคร
วิธีการหนึ่งที่สามารถนำพาคุณก้าวสู่เส้นชัยแห่งอาชีพอย่างได้ผลชัดเจน คือการสร้างตัวเองให้กลายเป็นดาวเด่นในออฟฟิศ คำว่า ‘ดาวเด่น’ ไม่ใช่การสร้างภาพตัวเองให้โดดเด่นเกินใคร จนหลายคนเกิดอาการช็อกซีนีม่าหาว่า ‘ยัยคนนี้เป็นอะไรไป สงสัยท่าจะผีเข้า’ ห้ามเด็ดขาดกับอาการแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งน่าภูมิใจหรอกนะ ที่ใครต่อใครในที่ทำงานเห็นภาพเราเป็นตัวประหลาดขนาดนั้น
แล้ว ’ดาวเด่น’ ก็ไม่ใช่ดาวแห่งความสวยความงาม ที่จัดเข้าประเภทเดียวกับดาวมหาวิทยาลัย หรือดาวโรงเรียนแต่อย่างใดด้วย ‘ดาวเด่น’ ที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้ คือ ความโดดเด่นเฉพาะตัวในอาชีพการงานของตัวเอง โดยวิธีการสร้างตัวเองให้เป็น ‘ดาวเด่น’ ในออฟฟิศ แม้จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของคุณนักหรอก
มาดูกันดีกว่า ว่าเทคนิคการสร้างให้ตัวเองเป็นดาวเด่นในที่ทำงาน เพื่อความสุข มีอนาคต ก้าวไปไกลในหน้าที่การงานนั้น สามารถทำกันได้ยากง่ายแค่ไหน
ค้นหาสถานภาพตัวเอง
เริ่มต้นที่การมองดูตัวเองก่อน ว่าคุณกำลังเป็นดาวเด่นหรือดาวดับ และต่อไปนี้คือสัญญาณบอกเหตุให้รู้ว่า สถานภาพของคุณกำลังเป็นแบบไหน
• ถูกจับตามอง หากคุณต้องเวียนเข้าเวียนออกเพื่ออัปเดตข้อมูลให้เจ้านายทราบเป็นประจำ หรือถูกโทรตามให้เข้าไปพบในห้องทำงานโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าอยู่บ่อยๆ อาจทำให้คุณกังขาตัวเองว่า ถูกหมายหัวหรือจับผิดเป็นพิเศษอยู่หรือเปล่า แต่จริงๆ แล้ว การรายงานตรงต่อเจ้านายเป็นสัญญาณในทางที่ดีต่างหาก นั่นหมายถึงว่า เจ้านายกำลังฟังคุณ และให้ความไว้วางใจในความคิดสร้างสรรค์ของคุณนั่นเอง อย่าคิดมาก ชีวิตกำลังรุ่งชัวร์ค่ะ
• ถามถึงเรื่องส่วนตัว หากจู่ๆ เจ้านายหันมาสนใจเรื่องความเป็นอยู่ของชีวิตคุณขึ้นมาซะเฉยๆ นั่นอาจเป็นสัญญาณร้ายแล้วล่ะ บอกได้เลยว่า คุณกำลังตกที่นั่งลำบาก คำถามที่เอ่ยถามถึงสารทุกข์สุขดิบ อาจทำให้คุณรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ประมาณว่า “คุณดูเหนื่อยจัง พักผ่อนน้อยไปหรือเปล่า อยากจะมีเวลาพักผ่อนให้มากขึ้นกว่านี้มั้ย” ประโยคคำถามแบบนี้ ต้องมาจากเหตุของผลงานคุณที่ไม่เข้าตากรรมการสักเท่าไหร่นัก
• ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ หากรายงานคุณที่ส่งไปวางให้เจ้านายพิจารณาในระยะเวลาไล่เลี่ยกับที่คนอื่นๆ ส่งเข้าไปด้วยเหมือนกัน ทว่า ของคุณกลับไม่มีการตอบรับใดๆ จากเจ้านายออกมาเลย นี่คือสัญญาณร้ายอีกแล้วล่ะค่ะ ตีความหมายได้ว่า งานของคุณที่ไปกองอยู่ตรงหน้าเจ้านาย มีความสำคัญในระดับต่ำมาก
ตัวอย่างที่หยิบยกมาข้างต้น คงทำให้คุณพอจะรู้ตัวเองกันบ้างแล้วใช่มั้ยคะ ว่าการเป็นดาวเด่นในที่ทำงาน ส่งผลดีต่อชีวิตงานของคุณขนาดไหน ใครยังไม่เข้าข่าย ยังทำตัวเอื่อยเฉื่อยให้ไหลไปเรื่อยๆ คงต้องอัพตัวเองสร้างความโดดเด่นกันหน่อยแล้วล่ะ ส่วนคนที่ลางบอกเหตุไปในทางร้าย ก็ควรเร่งรีบปรับปรุงตัวเองเป็นการด่วน มิฉะนั้น อนาคตหน้าที่การงานของคุณ มีสิทธิวูบอย่างแน่นอน
13 เทคนิค ปั้นตัวให้เป็นดาวเด่นในออฟฟิศ
1. ความสามารถและผลงานโดดเด่นเข้าตากรรมการ
ความคิดสร้างสรรค์ดูจะสำคัญสำหรับคนทำงานทุกคน เพราะหากทำงานไปเรื่อยๆ แบบไม่มีการครีเอตสิ่งใหม่ๆ ออกมาล่ะก็ งานคุณจะย่ำอยู่กับที่ ไม่มีการพัฒนาอะไรให้แตกต่างไปหรือดีขึ้นจากเดิม นอกจากผลงานเดิมไม่มีอะไรโดดเด่นแล้ว ยังทำให้ชีวิตคุณจำเจซ้ำซาก เพราะไร้ซึ่งสิ่งใหม่เข้ามาท้าทายในชีวิต
การทำงานด้วยความรู้สึกเพียงหวังให้เงินเดือนขึ้นอย่างเดียว อาจทำให้ชีวิตการทำงานของคุณไม่มีความสุขนัก หันมาทำตัวให้สนุกกับการทำงานดีกว่า หวังการฝึกฝนทักษะ ความสมารถลับสมอง ทำตัวให้เป็นที่ยอมรับ ยกย่อง เพื่อการงานที่โลดแล่นก้าวไกลในอาชีพ
2. มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศ
เนื่องจากในชีวิตการทำงานนั้น เพื่อนร่วมงาน คือคนสำคัญที่คุณต้องใช้ชีวิตประจำวันร่วมกัน การผูกมิตรหรือสร้างมนุษย์สัมพันธ์อันดีในที่ทำงานจึงเป็นสิ่งจำเป็น ส่งผลให้การทำงานเป็นทีมเวิร์ก สร้างผลงานออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ
ฉะนั้น จึงควรให้ความจริงใจ ทำตัวเป็นธรรมชาติกับเพื่อนร่วมงาน เป็นตัวของตัวเอง มีน้ำใจ รู้จักให้ความช่วยเหลือและใส่ใจกับทุกๆ คน รู้จักให้เกียรติผู้อื่น วางตัวให้เขารู้สึกว่า เขามีค่ากับคุณและมีคุณค่ากับที่ทำงาน ทำตัวเป็นเพื่อนที่ดี มีอารมณ์ดีอยู่เสมอ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส วางตัวอ่อนน้อมถ่อมตนกับคนอื่นๆ
3. บุคลิกภาพน่าเชื่อถือ
การที่คนเราสามารถโดดเด่นและก้าวหน้าในอาชีพการงาน หรือจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้น บุคลิกภาพมีส่วนสำคัญมาก แล้วแบบไหนล่ะ จึงจะเรียกว่า เป็นคนบุคลิกภาพดี น่าเชื่อถือ
• รู้จักให้ความรักกับคนอื่น ซึ่งผลสะท้อนกลับมาย่อมทำให้เราเป็นที่รักของคนอื่นด้วย
• วางตัวแคล่วคล่อง เมื่อได้รับคำสั่งอะไรจากเจ้านาย ควรลงมือทำทันทีด้วยความว่องไว จะทำให้คุณดูเป็นกระตือรือร้น และมีชีวิตชีวาตลอดเวลา
• ตรงต่อเวลา ถือเป็นมารยาททางสังคม แสดงถึงความเป็นคนมีระเบียบวินัย และมีวัฒนธรรมอันดีด้วย
• วางตัวให้เหมาะสมในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการสวมใส่เสื้อผ้า มารยาทบนโต๊ะอาหาร ความเป็นสุภาพสตรี (สุภาพบุรุษ)
• ให้ความเกรงอกเกรงใจกับทุกคนในที่ทำงาน เป็นคนที่เอาใจเขามาใส่ใจเรา เคารพในสิทธิของแต่ละฝ่าย จะส่งผลให้คุณอยู่ร่วมกับใครๆ ก็ได้
• พัฒนาบุคลิกภายนอกให้ดูดี เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสื้อผ้า กิริยาท่าทาง การเดิน การนั่ง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นด่านแรกที่จะทำให้คนอื่นมองเราว่าเป็นคนอย่างไร
4. มีความมั่นใจในตัวเอง
ถือเป็นก้าวแรกของการนำไปสู่ความสำเร็จ คนเราควรก้าวตามความคิดของตัวเอง มีความมั่นอกมั่นใจว่าเราต้อง ‘ทำได้’ นั่นย่อมส่งผลให้คุณ ‘ทำได้’ จริงๆ สุภาษิต ‘ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน’ เมื่อไหร่ก็งัดขึ้นมาใช้ได้เสมอ ไม่ว่าคุณจะหันหน้าไปปรึกษาหารือกับใครบ้าง แต่พื้นฐานสำคัญ คือคุณต้องมีความมั่นใจในตัวเองไว้ระดับหนึ่งก่อน ความคิดเห็นของคนอื่นนับเป็นส่วนเสริม การทำงานด้วยท่าทีมาดมั่นย่อมส่งผลให้ผลงานคุณดูมีคุณค่า เพราะอย่างน้อยก็กลั่นกรองออกมาจากความตั้งใจที่จะทำออกมาให้ดีที่สุด จึงสร้างความเชื่อถือให้แก่ทุกคนรอบข้างได้
5. รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเอง
ไม่แสดงอารมณ์โกรธหรือมีโทสะ ออกอาการวีนโดยปราศจากการยับยั้งชั่งใจ คุณควรเรียกหาสติมาฉุดรั้งอารมณ์ พยายามเอาชนะใจตัวเองให้ได้ อย่าปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ถ้ารู้จักหมั่นควบคุมอารมณ์ตัวเองได้บ่อยๆ ไม่ทำอะไรหุนหันพลันแล่น คุณก็จะกลายเป็นคนน่ารัก น่าคบ เพื่อนฝูงต่างเทคะแนนนิยมชมชอบ ใครๆ ก็อยากร่วมงานด้วย ซึ่งจะทำให้เราก้าวหน้าในการดำเนินชีวิต เป็นชีวิตที่ไม่มีวันตกต่ำลงได้ง่ายๆ
6. สร้างภาพลักษณ์ให้เป็นคนที่มีความสุข
ใครที่มีนิสัยร่าเริงแจ่มใส อารมณ์เย็นเบิกบานใจอยู่เป็นนิจ ย่อมมีแต่คนอยากคบหาสมาคมด้วย ไม่มีใครอยากอยู่กับคนเจ้าทุกข์หรือมีแต่เรื่องเศร้าใจอยู่ตลอดเวลาหรอกนะ ความร่าเริงแจ่มใสนั้นเริ่มต้นด้วยการ ‘ยิ้ม’ และวิธี ‘ยิ้ม’ ให้ดีมีเสน่ห์ เขาทำกันได้ง่ายๆ แบบนี้ค่ะ
• ยิ้มแม้เวลาโกรธ จะช่วยให้คุณคลายอารมณ์โกรธได้เร็วขึ้น
• หัดมองคนในแง่ดี มองโลกในแง่ดี เป็นคนยิ้มง่าย
• ยิ้มทั้งใบหน้า แม้กระทั่งดวงตาก็ยิ้มได้
• อย่าทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
• ฝึกให้เป็นคนมีอารมณ์ขัน หาเรื่องสนุกมาคุยดีกว่านินทากาเลเป็นไหนๆ
• ทักทายคนอื่นๆ ด้วยการยิ้ม
• ตื่นเช้าและก่อนนอน มองกระจก แล้วหัดยิ้มกับตัวเอง จะทำให้โลกนี้สดใสขึ้นมาก
7. จริงใจ ไม่สวมหน้ากาก
พูดง่ายๆ คือ ต้องรู้จักให้เกียรติ ยกย่องชมเชยคนที่เขาประสพความสำเร็จ หรือมีผลงานดีโดดเด่น คุณควรรู้จักที่จะแสดงความยินดีกับคนอื่นอย่างจริงใจ เต็มใจ และบริสุทธิ์ใจ ไม่ควรอิจฉาริษยา และอย่าลืมหัดให้ตัวเองเป็นคนมีน้ำใจต่อคนอื่น แสดงความจริงใจกับทุกคนอย่างเสมอต้นเสมอปลาย มิใช่กับใครคนใดคนหนึ่ง หรือเฉพาะกับคนที่มีผลประโยชน์ แบบนั้นไม่ทำให้ชีวิตคุณได้ดีมีความสุขตลอดรอดฝั่งหรอก
8. เป็นคนมีมารยาท
‘มารยาท’ เป็นสิ่งสำคัญที่สามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้อื่นได้ แต่ก็สามารถทำลายภาพ
ลักษณ์ของคุณได้ทันทีเช่นกัน มารยาทไม่ใช่กฎระเบียบที่จุกจิกวุ่นวายแต่อย่างใด เป็นสิ่งที่เราเรียนรู้และปฏิบัติได้ การนำมาใช้ก็ควรมีการปรับเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสมอยู่ตลอดเวลา เพราะมารยาทที่ดีงามในสถานที่หนึ่ง อาจไม่เหมะสม หรือไม่สมควรอย่างยิ่งกับอีกสถานที่หนึ่งที่แตกต่างกัน ดังนั้นต้องหมั่นสังเกตความเหมาะสมที่ควรแสดงออกด้วย ซึ่งหากคุณเป็นคนที่มีบุคลิกภาพดี มีมารยาทหรือการแสดงออกที่งดงาม ย่อมทำให้คุณเป็นคนรุ่นใหม่ที่น่าประทับใจในสายตาของคนทั่วไปเสมอ
9. กิริยาวาจา
ในโลกของการทำงานหรือในสังคม จำเอาไว้เลยว่า สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล จริงๆ นะ เพราะหากคุณมีกิริยาท่าทางหรือพฤติกรรมเช่นไร สายตาที่คนอื่นมองคุณจะตัดสินได้ว่า คุณเป็นคนอย่างนั้น รวมไปถึงคำพูด ซึ่งสามารถบ่งบอกถึงพื้นฐานทางความคิดและนิสัยของคนคนนั้นได้เป็นอย่างดี พูดดีเป็นศรีแก่ตัว พูดไม่ดีหรือพูดให้ร้ายคนอื่น ก็มีแต่ส่งผลทางร้ายให้กับตัวเองทั้งสิ้น จึงจำต้องทั้งพูดดี ทำดี และคิดดีด้วยค่ะ
10. มาดผู้นำอยู่ในบุคลิก
คุณจะเป็นคนที่โดดเด่นในหมู่เพื่อนร่วมงานได้ หากคุณมีมาดผู้นำแฝงอยู่ในตัวตน มาดดังกล่าวได้มาจากการเป็นตัวของตัวเอง เป็นคนที่มั่นใจ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือแก้ปัญหาอย่างมีเจตนาดี หรือมีการเสนอไอเดียต่างๆ อยู่เสมอ จะทำให้คุณแลดูเป็นคนใส่ใจในการทำงานตลอดเวลา
11. เข้ากับเจ้านายได้ดี
ทุกวันนี้ การทำงานหนักและหวังเพียงความสามารถ หรือการเข้ากันได้ดีกับเพื่อนร่วมงาน คงไม่เพียงพอที่จะทำให้คุณก้าวหน้าในที่ทำงานอย่างโดดเด่นได้ หากคุณไม่สามารถเข้ากันได้ดีกับเจ้านายแล้วล่ะก็ เชื่อว่า ไม่รุ่งค่ะ เพราะเจ้านายคือผู้ชี้เป็นชี้ตาย คือผู้หยิบยื่นโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งรวมไปถึงการขึ้นเงินเดือนให้กับคุณ ที่บอกมานี่ไม่ใช่ให้คุณทำตัวเลียแข็งเลียขานะคะ พิสูจน์ตัวเองด้วยความสามารถจะดีกว่า การเป็นคนตื่นตัวอยู่เสมอ มีหัวข้อเกี่ยวกับงาน เกี่ยวกับเรื่องรอบรู้รอบตัว ไปนั่งคุยกับเจ้านายได้อย่างไม่ขัดเขิน จะทำให้คุณยิ่งได้เพิ่มคะแนนพิเศษ ส่วนเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยงในการคุยกับเจ้านาย คือเรื่องเกี่ยวกับเงินเดือน การเมือง และเรื่องส่วนตัวมากเกินไป จำไว้ว่า เส้นขีดขั้นความเป็นกันเองระหว่างคุณและเจ้านาย ยังเป็นเส้นที่เห็นเด่นชัดอยู่เสมอ
12. ทำตัวให้น่าประทับใจในที่ประชุม
เทคนิคที่จะช่วยให้คุณเข้าประชุมอย่างมืออาชีพ คือ
• แต่งตัวให้ดูดี เหมาะสม
• ไปประชุมให้ตรงต่อเวลา
• เตรียมพร้อมสำหรับการประชุมทุกครั้ง
• เป็นส่วนหนึ่งของการประชุม ไม่ใช่เป็นแค่ผู้สังเกตการณ์ ปล่อยให้คนอื่นประชุมกันไป แต่ตัวเองนั่งฆ่าเวลาเฉยๆ และก็อย่าออกตัวจนทำให้ความคิดของคุณติดลบล่ะ
• อย่ามองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ต้องแน่ใจว่าเก็บรายละเอียดของงานได้มากพอที่จะไม่ทำให้คนอื่นถือโอกาสฉกฉวยเอาความคิดของคุณไปเสริมแต่งเป็นผลงานเขาเองอย่างสมบูรณ์กว่า
• พูดในห้องประชุมอย่างเสียงดังฟังชุด เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าคุณพูดอะไร แต่ไม่ใช่ตะโกนออกมา ซึ่งการพูดจาเสียงดังฟังชัด จะช่วยทำให้คุณดูมีอำนาจขึ้น
• เอ่ยคำชมในความคิดของคนอื่นอย่างจริงใจในที่ประชุม เช่น “ฉันชอบไอเดียของคุณนะ และคิดว่ามันต้องได้ผลแน่ๆ” ฟังการรายงานของเขาอย่างตั้งใจ หากเป็นไอเดียที่ดี ควรเอ่ยชมเป็นระยะ และมีการถามคำถามเป็นช่วงๆ
• ปิดการประชุมอย่างมืออาชีพ เมื่อการประชุมสิ้นสุดลง อย่ารีบเก็บเอกสารแล้วเดินออกจากห้องประชุมทันที ควรอ้อยอิ่งสักครู่ เดินไปหาผู้ที่เป็นหัวหน้าการประชุม บอกเขาว่าการประชุมวันนี้ได้ประโยชน์มาก สามารถนำไอเดียใหม่ๆ ไปพัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อไปได้ รวมถึงให้คิดว่าการประชุมเหมือนกับอยู่บนเวที ประชุมทุกครั้งเป็นสิ่งท้าทายที่จะให้คุณได้แสดงความสามารถออกไป และคุณรู้มั้ยว่าหลายๆ บริษัท ใช้การประชุมเป็นเวทีสำหรับค้นหาดาวดวงใหม่ให้กับบริษัทด้วย ฉะนั้นให้การประชุมเป็นโอกาสทองของคุณดีกว่า
13. งานหนักเอา งานเบาสู้
มีความตั้งใจ ขยันขันแข็งในการทำงาน ไม่ย่อท้อหรือท้อแท้หมดกำลังใจอะไรง่ายๆ มีความมุ่งมั่นในการทำงาน การยอมแพ้อะไรง่ายๆ ในบางครั้ง อาจถูกมองว่าเป็นคนไม่สู้ ไม่หนักแน่น ไม่มีความสามารถจริงๆ ดังนั้นควรทำงานทุกอย่างให้สุดฝีมือ เท่าที่ความพยายามของตัวเองสามารถจะทำได้ ผลที่ออกมาแม้ไม่ดีถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่นับเป็นความภูมิใจได้ว่า คุณได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว
นิตยสาร ผู้หญิง รายปักษ์