ที่มา : http://www.jobjob.co.th
สําหรับคนทำงานโดยทั่วไปแล้ว เชื่อแน่ว่าหลายคนอาจเคยให้คำมั่นกับตัวเองเมื่อปีที่แล้วหลากหลายรูปแบบ เช่น จะตั้งใจทำงานให้ดีขึ้น หรือจะรับผิดชอบการทำงานให้เพิ่มมากขึ้น ไม่เป็นไร ปีเก่าผ่านไปแล้ว เรามองอนาคตดีกว่า คิดอยู่เสมอว่าปีนี้ทุกอย่างจะดีขึ้น ชีวิตการทำงานของเราจะสดใสกว่าเดิมแน่นอน วันนี้ เรามีแนวคิดการทำงานดีๆ ประจำปีนี้มาฝากกัน
1. บุคลิกใหม่
อย่าลืมว่าความประทับใจครั้งแรกแก่ผู้พบเห็นเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จใน อาชีพการทำงาน ปีนี้เอาใหม่ เวลาที่คุณได้รับมอบหมายจากหัวหน้างานให้ เดินทางไปประชุมนอกสถานที่ หรือออกไปพบลูกค้าก็ตาม ต้องให้ความสำคัญกับการแต่งกาย และปรับบุคลิกของคุณให้ดูดี มีความน่าเชื่อถือ เพราะบางครั้งบุคคลที่คุณได้ไปติดต่อทำธุรกิจด้วย เขาอาจจะไม่ได้มองว่าคุณเรียนจบอะไรมา หรือมีความรู้แค่ไหนกัน อย่างแรกที่จะสร้างความประทับใจให้เขาคือ ภาพลักษณ์ภายนอกของเรา
2. ใช้ภาษากายในทางที่ถูกที่ควร
เราอาจเคยได้ยินคำพูดที่ว่า ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ ช่วยอธิบายได้ว่า เรามักเชื่อถือการแสดงออกของภาษากาย เผลอๆ อาจเชื่อมากกว่า "คำพูด" เสียอีก ในแวดวงการทำงานก็เหมือนกัน เคล็ดลับความสำเร็จในการทำงานมาจากการใช้ภาษากายเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ในการสัมภาษณ์บุคคลเข้าทำงาน ระหว่างที่ผู้จัดการสัมภาษณ์คุณนั้น นอกจากเขาจะวัดทัศนคติของคุณแล้ว เขายังสังเกตสีหน้า แววตา การเคลื่อนไหวของคุณ ดูว่าสิ่งที่คุณกำลังตอบคำถามจากการสัมภาษณ์นั้นคือ "ความจริง" ที่คุณต้องการสื่อสารออกมาจริงๆ หรือเปล่า หรือว่าคุณเพียงแค่ตอบ คำถามแบบขอไปที เพราะอยากทำงานที่นี่เหลือเกิน
3. ข้อคิดเรื่องการทำงานดีๆ จากเพื่อน
คนใกล้ตัวนี่แหละที่อาจให้ข้อคิดการทำงานดีๆ แก่เราได้ โดยเฉพาะความมีวินัยในการทำงาน อย่างเช่น การที่เรามีเพื่อนทำธุรกิจส่วนตัว เราเรียนรู้ได้ว่า คนที่ทำธุรกิจส่วนตัวจำเป็นต้องมีวินัยในการทำงานอย่างสูง เพราะไม่มีเจ้านายมาคอยบังคับ เราคือ นายของตัวเอง เราทำเราก็ได้ เพราะฉะนั้นในฐานะพนักงานบริษัท เราอาจต้องเติมเต็มเรื่องการทำงานให้ตัวเองด้วยการใส่ใจความมีวินัยเข้าไป เมื่อปีก่อนมาทำงานสาย ปีนี้อาจตั้งปณิธานเสียใหม่ว่าจะมาทำงานให้เร็วขึ้นกว่าเดิม และพยายามไม่กลับดึก กันเวลาส่วนหนึ่งไว้ให้กับครอบครัวบ้าง
4. ใช้โทนเสียงให้เกิดประสิทธิภาพ
เราต้องรู้จักลงจังหวะหนักเบาของคำพูด ในการใช้โทนเสียงคุณต้องรู้ว่าบุคคลที่คุณสนทนาด้วยเป็นใคร ถ้าพูดกับหัวหน้างาน โทนเสียงควรลงจังหวะปกติ บ่งบอกถึงความสุภาพของคุณ เช่นเดียวกัน ถ้าพูดกับคนที่คุณไปติดต่อทำธุรกิจด้วย คุณอาจจะต้องใช้โทนเสียงที่ดูนุ่ม ไม่แข็งกระด้าง ในทางตรงกันข้ามถ้าสนทนากับเพื่อนร่วมงาน โทนเสียงที่คุณเอ่ยออกมา อาจแลดูธรรมดา บ่งบอกความรู้สึกของคุณและความเป็นตัวตนของคุณได้มากขึ้น เช่น น้ำเสียงคุณสดใสตอนพูดกับเพื่อนร่วมงาน นั่นเป็นเพราะคุณทำงานเสร็จตามกำหนด หรือการทำตลาดที่เก่งกาจของคุณ ทำให้ยอดขายสินค้าขององค์กรเพิ่มจำนวนสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แบบนี้ไม่ให้ทำเสียงดีใจให้เพื่อนร่วมงานรับรู้ได้อย่างไรกัน
5.สร้างมุมมองเรื่อง "ความสุข"
ความสุขเป็นสิ่งที่อยู่ในใจ เราสามารถแสวงหาความสุขจากสิ่งรอบตัวได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันหยุดแล้วพักผ่อนที่ต่างจังหวัดหรือต่างประเทศจึงจะ เกิดความสุขขึ้นมาได้ ในเมื่อเราใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในที่ทำงานแล้วนี่ ถ้าเราไม่ลองมองหาความสุขจากการทำงาน แล้วเมื่อไหร่เราจะมีความสุขเสียที เช่น เราเกิดความสุขที่เราทำงานสำเร็จตามที่เราคาดหวังไว้ หรือเราเกิดความสุขที่เราได้แบ่งปันความรู้สึกดีๆ กับเพื่อนร่วมงาน โดยผ่านการพูดคุย การรับประทานอาหารร่วมกัน รวมไปถึงการให้ความช่วยเหลือเมื่อเขาได้รับความเดือดร้อน ฯลฯ
6.ปรับทัศนคติ (แบบใหม่)
ทัศนคติเรื่องการทำงานเป็นสิ่งที่เราสามารถสร้างขึ้นเองได้ ถ้าเรามีทัศนคติต่อการทำงานในสายงานนั้นๆ เป็นอย่างดี เราจะทำงานในส่วนงานนั้นได้ดีและทำได้นาน ไม่ใช่ว่าเพราะทนทำ แต่ทำเพราะทัศนคติดีๆ ที่อยู่ในใจเราต่างหาก เพื่อนที่เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเล่าให้ฟังว่า การเป็นพนักงานต้อนรับทำให้ต้องพบกับผู้โดยสารหลากหลายวัย หลายอาชีพ หลายเชื้อชาติ บ่อยครั้งที่เขาต้องเรียนรู้เรื่องการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพราะผู้โดยสารต่างจิตต่างใจกัน ดังนั้นเขาจึงต้องเรียนรู้เรื่องการปรับทัศนคติเสียใหม่ ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นี้เป็นการทำงาน และงานที่ตัวเขากำลังปฏิบัติอยู่นี้เป็นส่วนหนึ่งของความฝันในอาชีพ ที่อยากเป็น เมื่อคิดได้แบบนี้ พลังใจในการทำงานก็เกิดขึ้น
7. ปรับอารมณ์ (ใจเย็นขึ้น)
คิดเล่นๆ ก็ได้ว่า ปีนี้อายุเราเพิ่มขึ้นอีก 1 ปี นั่นหมายความว่า "การบรรลุนิติภาวะทางอารมณ์" ของเราน่าจะขยับตามไปด้วย เวลาที่เรารู้สึกว่าใจร้อน เช่น ผลการทำงานของเราไม่ได้ดั่งใจ ทำให้เผลอมีอาการ ใจร้อน หงุดหงิดตามสถานการณ์ได้ง่าย แบบนี้เราต้องท่องไว้ในใจแล้วว่า ความใจร้อนและหงุดหงิดบั่นทอนความสุขของเรา ปีใหม่ปีนี้ ถ้าเราใจเย็นลง สูดหายใจลึกๆ เชื่อแน่ว่า ความสุขเป็นเรื่องใกล้ตัว
8. เรียนรู้ข้อผิดพลาดจากปีที่แล้ว
ต้องออกตัวก่อนว่า ไม่ได้ต้องการให้คุณย่ำอยู่กับอดีต แต่คงจะดีไม่น้อยถ้าปีนี้เราสามารถแก้ไขข้อ ผิดพลาดจากปีที่แล้วได้ ลองทำดู ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่เราพิมพ์จดหมายทางธุรกิจให้กับเจ้านาย บ่อยครั้งที่เรามักสะกดผิด หรือใช้สำนวนภาษาไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ ทำให้เราโดนเจ้านายดุบ่อย ปีนี้เลยขอโอกาสตั้งปณิธานว่าจะเป็นคนใส่ใจกับการทำงานให้มากขึ้น ลดข้อผิดพลาดในการเขียนจดหมายให้ น้อยลงที่สุด
9.ปรับเปลี่ยนนิสัยบางอย่าง
แต่ละคนมีนิสัยไม่เหมือนกัน นิสัยบางอย่างใน ตัวเรากลับกลายเป็นอุปสรรคในการทำงานโดยที่เราไม่รู้ตัว อย่างนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง ส่งผลให้งานเรา พอกพูนขึ้น เหมือนคำพูดที่ว่าดินพอกหางหมู เวลาที่คิดจะทำอะไรก็ให้ลงมือทำเลย อย่าพูดกับตัวเองว่า พรุ่งนี้ค่อยทำก็ได้ แบบนี้จะทำให้งานคุณไม่เสร็จ เพื่อนคนหนึ่งที่เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เล่าให้ฟังว่า ต้อง ปรับเปลี่ยนนิสัยหลายอย่าง มิเช่นนั้นจะไม่สามารถทำทั้งสองอย่างได้พร้อมๆ กัน เช่น ต้องเป็นคนกระตือ รือร้น มีวินัย และมีความรับผิดชอบมากกว่าเดิม
ขอให้สิ่งที่ไม่สมหวังจากการทำงานผ่านพ้นไปกับ ปีเก่า ปลดปล่อยตัวเองออกจากกรอบความคิดเดิมๆ ได้แล้ว มองโลกในแง่บวก ค้นหาความสุขอันเกิดจากการทำงานของคุณ อย่าลืมว่าการเริ่มต้นดีทำให้มีชัยมากไปกว่าครึ่ง ขอให้ทุกคนมีชีวิตการทำงานในปีนี้ที่สดใสกว่าปีที่แล้วก็แล้วกัน
ที่มา : http://www.jobjob.co.th