ดร.มาร์ติน เซลิกแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านการมองโลกในแง่ดี ค้นพบว่า ทัศนคติเป็นสิ่งที่สามารถทำนายความสำเร็จของคนทำงานได้ดีกว่าไอคิว (Intelligence Quotient หรือความสามารถทางสติปัญญา) ระดับ การศึกษา และ ปัจจัยที่เหลืออื่นๆ ทั้งยังพบด้วยว่าคนที่มีทัศนคติด้านบวกจะมีสุขภาพ ความสัมพันธ์ และการเติบโตในหน้าที่การงาน รวมถึงความสามารถในการหาเงินดีกว่าคนที่มีทัศนคติในระดับปานกลางลงไปจนถึง ค่อนข้างแย่
ทั้งนี้ ในความเป็นจริงทุกคนสามารถพัฒนาทัศนคติไปในทางบวกได้ ไม่ว่าคนคนนั้นจะมาจากที่ไหน หรือมีพรสวรรค์ภายในอย่างไร ไม่เพียง เท่านั้นการมีทัศนคติที่ถูกต้องในการทำงานยังช่วยให้สามารถแบ่งแยกความเหมาะ สมในหน้าที่ที่ รับผิดชอบได้ด้วย How To ฉบับนี้จึงขอแนะนำทัศนคติสำหรับการทำงานให้สำเร็จ 8 ประการ เพื่อเป็นทางเลือกให้นำไปประยุกต์ใช้สำหรับพัฒนาตัวเองให้มีศักยภาพสูงขึ้น เพื่อย่นระยะทางความสำเร็จให้ไม่ไกลจนเกินเอื้อมได้
กำหนดชะตากรรมในการทำงานด้วยตัวเอง หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สักแต่ทำงานไปวันๆ แต่กลับให้ความสำคัญกับการเฝ้ารอสิ่งดีๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากงานที่ทำ เป็นไปได้ว่าคุณจะเสียเวลารอไปอีกเนิ่นนาน เพราะผลงานที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่การเสี่ยงดวงจากการซื้อลอตเตอรี่ ทั้งยังโปรดทราบด้วยว่านักสร้างความสำเร็จมืออาชีพส่วนใหญ่เลือกจะก้าวออกไป และทำสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นด้วยตัวเอง มากกว่ามัวแต่นั่งคอยวาสนาวิ่งเข้าหา ดังนั้นคุณ ควรจะปรับทัศนคติในเรื่องนี้ใหม่ โดยพึงตระหนักไว้เสมอว่าไม่มีใครจะสามารถกำหนดชะตากรรม ในการทำงานของคุณได้เท่าตัวคุณเอง โดยลองเปลี่ยนมาเป็นผู้คิดริเริ่มและสร้างสรรค์ผลงาน ที่แตกต่าง แล้วทำมันให้เป็นจริงขึ้นมาด้วยตัว คุณเอง
เคล็ดลับในการเป็นผู้กำหนดชะตากรรมในการทำงานด้วยตัวเอง คือ ให้พูดคุยถึงหน้าที่ รับผิดชอบและเป้าหมายในการทำงานของคุณให้คนอื่นฟังบ้าง เพื่อเป็นแรงกระตุ้นภายในให้เกิดความพยายามทำสิ่งที่พูดออกไปให้กลายเป็น จริงขึ้นมา เพราะมิฉะนั้นคุณอาจจะโดนข้อหากลายเป็นคนขี้คุยได้เช่นกัน
ทุกสิ่งเป็นจริงได้ เคยคิดกันบ้างไหมว่าสักวันหนึ่งคุณจะมีโอกาสก้าวขึ้นไปรับหน้าที่การงานใน ตำแหน่งระดับรองประธานบริษัท หากคุณคิดว่าคุณไม่มีความสามารถจะทำเช่นนั้นได้ คำตอบก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่าคุณจะไม่ได้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งระดับรอง ประธานบริษัท แต่หากคุณปรับทัศนคติใหม่ว่าฉันต้องทำได้ ถึงแม้ในช่วงแรกมันอาจจะยังคงเป็นความฝันแต่มันก็ยังมีความเป็นไปได้ว่าใน ที่สุดความฝันนั้นอาจจะกลายเป็นจริงขึ้นมาได้
ให้ความสำคัญกับงานทุกประเภท คุณจะไม่มีทางทราบเลยว่าเมื่อไรที่คุณกำลังถูกจับตาจากบุคคลระดับหัวหน้า เพราะฉะนั้นคุณจึงควรให้ความสำคัญกับงานทุกประเภทประดุจว่ามันเป็นสิ่งที่ สามารถชี้ขาดความอยู่รอดของคุณได้ ไม่ว่าสิ่งที่คุณกำลังรับผิดชอบอยู่นั้นจะเป็นงานยักษ์หรือเล็กกระจ้อย ร่อยอย่างไร ดังจะยกตัวอย่างจากเจ้าของตำแหน่งประชาสัมพันธ์ระดับบริหารในชิคาโก รายหนึ่ง ซึ่งกล่าวถึงงานชิ้นแรกของเธอว่า เป็นงานประชาสัมพันธ์ในบริษัทเกี่ยวกับการแสดงบัลเลต์แห่งหนึ่ง ที่กำลังมีการจัดระเบียบภายในองค์กรใหม่ ซึ่งเธอต้องทำหน้าที่รับมือกับโปรเจ็กต์นี้อย่างสนุกสนาน ทั้งๆ ที่เป็นงานสุดแสนจะ น่าเบื่อและสิ้นเปลืองพลังกายเป็นอย่างมาก
ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานเป็นสิ่งจำเป็น ความขัดแย้งในสถานที่ทำงานย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ซึ่งหากคุณตกอยู่ในภาวะที่ชวนให้แสดงท่าทีก้าวร้าวต่อเพื่อนร่วมงานจงสลัด การกระทำนั้น ทิ้งไปและคงเหลือไว้แต่ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อสิ่งรอบตัว มิเช่นนั้นความรู้สึกเป็นเดือดเป็นแค้นเพียงชั่ววูบอาจจะส่งผลกระทบอันหนัก หนาสาหัสแก่คุณได้ในภายหลัง โดยการสานสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน ไม่จำเป็นจะต้องตั้งใจทำด้วยความใจจดใจจ่อ เพียงแค่ไม่ละเลยหน้าที่อันพึงกระทำซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนต่อผู้ อื่นเท่านั้นก็พอ อาทิ การเข้าประชุมให้ตรงเวลาที่กำหนดไว้ เป็นต้น
นอกจากนี้ นักทำงานที่ประสบความสำเร็จ จะเข้าใจความสำคัญของการสร้างเครือข่ายทั้ง ภายในและภายนอกออฟฟิศเป็นอย่างดี คุณจึง จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้การสานความสัมพันธ์ ให้เป็นที่ยอมรับกับคนอื่นๆ เช่น ชวนเพื่อน ร่วมงานออกไปทานข้าวด้วยกัน ใช้เวลาช่วง เลิกงานสำหรับการสังสรรค์ร่วมกัน
คุณถูกกำหนดให้ต้องทำงานนี้ หากคุณใช้เวลาไปกับความรู้สึกที่ว่าคุณไม่เหมาะสมกับงาน ที่ทำอยู่ ผลของงานที่ออกมาก็จะแย่ไปตามความ รู้สึกนั้น ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่งานของแต่ละคนอาจจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่คนที่จะประสบความสำเร็จในงานได้จะต้องให้ใจกับงานประดุจว่าเขากำลังทำงาน ในฝันอยู่ ไม่ว่าในความจริงงานในฝันอันนั้นจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
อาสาทำงานนอกเหนือหน้าที่บ้าง ตั้งแต่คุณกลายมาเป็นผู้กำหนดโชคชะตาในการทำงานของคุณเอง มันเป็นหน้าที่ของคุณที่ต้องมองหาลู่ทาง ในการปรับปรุงความเป็นมืออาชีพในตัวคุณด้วยการรับอาสาที่จะขอทำงานในส่วนที่ นอกเหนือจากความรับผิดชอบ เพื่อการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ สำหรับขยายโอกาสการทำงานของคุณให้กว้างไกลยิ่งขึ้น และระลึกไว้เสมอว่านักทำงานที่ประสบความสำเร็จจะไม่หยุดเพียงแค่การทำงานที่ ได้รับมอบหมายให้เสร็จสิ้นเท่านั้น แต่เขาเลือกที่จะหาหนทางเพิ่มเติมเพื่อสร้างมาตรฐานให้แก่ตัวเอง
ความล้มเหลวเป็นพื้นฐานของความสำเร็จ แม้ดูเหมือนคนบางคนจะไม่เคยมีประสบการณ์ ในความล้มเหลวทั้งที่ในความจริงมีคนหลายคน ที่ประสบความล้มเหลวอยู่เกือบตลอดเวลา ความแตกต่างระหว่างผู้ที่ประสบความสำเร็จกับผู้ที่ ล้มเหลวคือวิธีการรับมือกับความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จคือผู้ที่รู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาด และใช้มันมาเป็นบทเรียนสำหรับกำจัดความผิดเหล่านั้นออกไปได้ในที่สุด ในขณะที่ลักษณะสำคัญของ ผู้ล้มเหลวคือผู้ที่ไม่ยอมรับกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทั้งยังละเลยที่จะแก้ไขให้เกิดสิ่งที่ดีกว่าด้วย
ไม่เคยปิดโอกาสในการตรวจสอบตัวเอง สิ่งสำคัญที่ควรจำไว้คือนักทำงานที่ประสบความสำเร็จได้จะต้องมองหาโอกาสใน การพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ โดยไม่ลืมที่จะเปิดหู เปิดตา และเปิดใจกับสิ่งที่จะนำคุณไปสู่โอกาสใหม่ๆ แต่ต้องไม่ลืม ที่จะหันกลับไปตรวจสอบทางเดินของตัวเองว่า ที่แล้วมาคุณได้หลงทางไปบ้างหรือไม่ เพื่อนำสิ่งต่างๆ ที่เคยพลาดไปมาปรับปรุงให้ก้าวต่อไปของคุณจะไปถึงจุดหมายได้อย่างราบรื่น เพราะคุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าเมื่อไรที่คุณจะพบกับใครคนหนึ่งที่จะเป็นสาเหตุ ในการเปลี่ยนแปลงผลของงานที่กำลังทำอยู่
นอกเหนือจากปัจจัยอย่างความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในหน้าที่ที่รับผิดชอบ ความสมบูรณ์ ทั้งกายและใจแล้ว เพียงแค่คุณเลือกนำทัศนคติบางประการข้างต้นไปประยุกต์ใช้กับงานในอาชีพ ก็เท่ากับคุณได้ก้าวสู่การเป็นนักทำงานที่สามารถประสบความสำเร็จได้แล้ว
ที่มา : http://www.jobjob.co.th