ที่มา : http://www.jobjob.co.th
อริสโตเติล เคยกล่าวไว้ว่า ชีวิตที่ดีคือชีวิตที่ได้พัฒนาทั้งร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆ กัน คนทำงานส่วนใหญ่เกิด ความภาคภูมิใจในการทำงานที่ตรงกับสายงานที่ตนเองสนใจ ภูมิใจกับประวัติการศึกษาและหน้าที่การงานที่ปฏิบัติอยู่ในขณะนั้น พวกเขายอมรับว่าการทำงานที่ตนเองชอบ และน่าท้าทายเป็นอีกหนึ่งรสชาติของชีวิต การเคารพตนเอง การเป็นคนที่มีความมั่นใจ และเป็นคนยุติธรรม ทำให้เราเกิดความรู้สึกว่า เรามีคุณค่าและ มีเกียรติยศในตัวเอง และต่อไปนี้เป็นหลักการที่จะทำให้คุณ หลีกเลี่ยงความผิดพลาดอันเกิดจากการทำงาน และเป็นวิธีการที่ทำให้เราอยู่อย่างมีเกียรติในที่ทำงาน
1. ให้เกียรติเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน ก่อนที่เราจะได้รับเกียรติจากเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน เราต้องรู้จักการให้เกียรติแก่ผู้อื่นเสียก่อน
วิธีการ ควรแสดงความยินดีเมื่อเพื่อนร่วมงานได้รับการเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น ปรับความคิดเสียใหม่ว่า เจ้านายตระหนักแล้วว่า เพื่อนร่วมงานคนนั้นเป็น "สิ่งที่มีค่า" ขององค์กร และเป็นกลไกสำคัญที่ผลักดันให้องค์กรเดินหน้าต่อไป
2. ลดระดับเสียงบ่นพึมพำลง ว่ากันว่าคนที่พร่ำบ่นเรื่องการทำงานตามที่เจ้านายมอบหมายให้นั้นมักจะไม่ ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง เนื่องจากเจ้านายมักจะพิจารณาว่า เขาหรือเธอยังไม่มีความพร้อมในการ ทำงาน "ใหญ่" กว่านี้ เพราะลำพังงานในแต่ละวัน ยังพอประคองไปได้บ้าง ถ้าได้เลื่อนตำแหน่ง สัดส่วนการทำงานย่อมขยับขึ้น จะนำพาหน้าที่ของตนเองไปตลอดรอดฝั่งหรือนี่
วิธีการ ถึงเวลาที่ต้องปรับความคิดแล้ว ว่าจะอยู่อย่างเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกับเจ้านายรวมไปถึงเพื่อนร่วมงาน ถ้าคุณตอบว่าเลือกเป็นมิตรดีกว่า เพราะฉะนั้น สิ่งที่สามารถทำได้คือการไม่แสดงพฤติกรรมอย่างว่า คุณกวนใจเจ้านายอีกแล้ว คุณสามารถสร้างเกียรติของคุณเอง โดยผ่านกระบวนการตัดสินใจเรื่องงานภายในขอบข่ายงานที่ตนเองรับผิดชอบ
3. รู้และเคารพเงื่อนไขในการทำงานเรารับรู้ข้อมูลตั้งแต่ตอนต้นแล้วว่าจำนวนเงินเดือน โบนัส สวัสดิการที่เราได้รับจากองค์กรเป็นอย่างไรบ้าง อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญและเป็นสิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม นั่นคือ การเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น
วิธีการ ถ้าเรารู้ว่าเราได้รับสิทธิอะไรบ้างในองค์กรนี้ ให้เราเคารพในสิทธิที่เราได้รับ เช่น สิทธิในด้านการเบิกค่ารักษาพยาบาล สิทธิในการลาป่วย ลาพักร้อน อย่าลืมถามหัวหน้างานว่าเรื่องอะไรก็ตามที่สำคัญต่อตัวคุณ โดยเฉพาะเรื่องสิทธิที่คุณพึงได้รับ ทางที่ดีคุณควรจะถามอย่างละเอียดไปเลย เช่น แม้ว่าในองค์กรจะกำหนดให้ทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันก็ตาม ทว่าคุณก็ไม่ลืมที่จะถามว่า แล้วแบบนี้จะมีการยืดหยุ่นเรื่องชั่วโมงการทำงานหรือเปล่า รวมไปถึงคำถามที่ว่า การมาทำงานในโอกาสสำหรับรูปแบบต่างๆ คุณได้รับผลตอบแทนบ้างหรือไม่ ตอนที่ถาม อย่าใช้คำพูดที่ก้าวร้าว แต่ให้ถามตรงประเด็น เน้นหนักถึงสิทธิที่คุณพึงจะได้รับจริงๆ คิดเสียว่าถ้าเรามีความตั้งใจในการอยากรู้เรื่อง "สิทธิ" ที่เราพึงได้รับจริงๆ เพื่อนร่วมงานและเจ้านายอาจมองเห็น และเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของเราก็ได้
4. หลีกเลี่ยงนิสัยพวกมากลากไปไม่ได้ปฏิเสธว่าการมีพวกพ้อง หรือการแสดงพลังสามัคคีในกลุ่มคนทำงาน ทว่าเราก็ชั่งใจดูให้ดีว่า เราตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มในองค์กรหรือไม่ อย่างเช่น การที่เรารวมตัวกับสมัครพรรคพวก เดินขบวนประท้วงในองค์กร โดยที่เราแทบ ไม่รู้เป้าหมายของการชุมนุมเลยว่ามีจุดประสงค์อะไร และทำไปเพื่ออะไร
วิธีการ จงกล้าที่จะเป็นอิสระ มีความคิดของตนเอง คำว่าความคิดของตนเองในที่นี้ หมายถึง ความคิดในทางที่ดี เป็นความคิดที่จะทำให้องค์กรที่คุณทำอยู่พัฒนาต่อไปในทางที่ถูกต้อง มิใช่คิดอยู่อย่างเดียวว่ามาทำงาน 09.15 น. พอนาฬิกาบอกเวลา 17.00 น. ก็สะพายกระเป๋ากลับบ้านทันที สิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่งก็คือตรวจสอบดูว่ามีอะไรค้างอยู่บ้าง และพรุ่งนี้มีรายงานอะไร ที่ต้องนำเสนอเจ้านายหรือไม่ อย่างเช่น มีตัวเลขงบประมาณอะไรที่ต้องนำเสนอเจ้านายอย่างเร่งด่วนหรือไม่
5. มีความสุขแต่พอสมควร (ในที่ทำงาน) ถ้ามาทำงานแล้วไม่มีความสุข ก็ต้องคิดแล้วว่างานนี้เหมาะกับเราหรือไม่ ชีวิตของคนเราส่วนใหญ่อยู่ใน ที่ทำงาน เพราะฉะนั้นหมั่นยิ้มแย้มแจ่มใส มีความสุขในที่ทำงานเสียบ้าง
วิธีการ เมื่อคุณได้รับโอกาสให้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ เนื่องในโอกาสำคัญขององค์กร อย่าลืมใส่อารมณ์ขันเข้าไปบ้าง อย่าพูดแต่เรื่องวิชาการ หรือเรื่องเคร่งเครียดแต่อย่างเดียว หากใคร ต่อใครในออฟฟิศรับรู้ว่าคุณเป็นคนขำ อารมณ์ดี และค่อนข้าง เฮฮาอยู่แล้ว เวลาที่ได้รับเกียรติให้กล่าวสุนทรพจน์ให้คุณเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด นั่นหมายความว่าให้คุณพูดอย่างเป็น ธรรมชาติ พูดอย่างอารมณ์ดี และยิ้มแย้มแจ่มใส เหมือนอย่างที่คุณเป็น ดีกว่าที่คุณจะมาแกล้งเป็นคนเคร่งขรึม แถมกล่าว สุนทรพจน์ด้วยอาการเคร่งเครียดอีกต่างหาก เจ้านายและเพื่อนร่วมงานอาจไม่ประทับใจคุณ
6. หลีกเลี่ยงการนำปัญหาส่วนตัวมาปนกับการทำงาน ไม่มีทางที่เราจะหลีกเลี่ยงเสียงดังๆ เสียงโทรศัพท์ในออฟฟิศของคุณได้ เพื่อนร่วมงานของคุณได้รับโทรศัพท์หลังจากนั้นก็ลืมตัวตะโกนใส่อีกฝ่ายหนึ่ง ทางศัพท์อย่างเกรี้ยวกราด คุณไม่ได้ตั้งใจจะได้ยินแต่ก็ได้ยินเข้าจนได้ เลยขาด สมาธิในการทำงาน พลันคิดว่า เขาหรือเธอนำชีวิตส่วนตัว เข้ามาสู่แวดวงการทำงานอีกแล้ว
วิธีการ คุณต้องรู้จักการควบคุมอารมณ์ให้ได้ และต้องรู้จักการแบ่งแยกระหว่างเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัวให้ดี ต้องเข้าใจว่า ณ ที่นี้คือสถานที่ส่วนรวม คุณอาจจะโกรธกับเพื่อนหรือทะเลาะกับแฟนมาก็ตาม ต้องพักเรื่องทั้งหมดไว้ภายนอก คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนักถ้าคุณยังไม่รู้จักแบ่งแยกอะไร เป็นการแสดงให้เห็นว่าเราอาจจะยังไม่บรรลุนิติภาวะทางอารมณ์ก็ได้
7. ระวังตัวเรื่องการถูกคุกคามทางเพศ นี่คืออีกหนึ่งเรื่องแย่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในที่ทำงานยุคปัจจุบัน มีทั้งแบบแอบแฝงและเปิดเผย
วิธีการ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็ตามที่ถูกคุกคามทางเพศในสถานที่ทำงาน อย่าปิดบังเรื่องนี้ไว้ ให้คุณเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ เจ้านายฟัง การรักษาเกียรติและคุณค่าของตนเองเป็นสิ่งที่พึง กระทำอย่างยิ่ง เมื่อคุณเล่าเรื่องนี้ให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงฟัง กระบวนการแก้ปัญหาย่อมจะเกิดขึ้นตามมา ที่สำคัญคือพนักงานรุ่นใหม่ๆ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่ประสงค์ดีที่แฝงตัวอยู่ในองค์กรอีกต่อไป
เหนือสิ่งอื่นใด การแสดงความคิดสร้างสรรค์ แสดงศักยภาพทางด้านผู้นำของตนเองอย่างเต็มที่ และรู้ว่าตัวคุณเองเป็นคนมีคุณค่าเสมอ น่าจะเป็น "ยาชูกำลัง" เสริมสร้างกำลังใจ สำหรับการทำงานของเราได้เป็นอย่างดี
ที่มา : http://www.jobjob.co.th