ความคิดด้านลบเหล่านั้นจะทำให้เราไม่มีพลังใจในการทำงาน เราจะรู้สึกหดหู่ หมดกำลังใจและสิ้นหวัง มีหลายวิธีที่สามารถลดความเครียดลงได้ เริ่มจาก
ปรับเปลี่ยนความคิด วิธีการหนึ่งที่ทำให้เราสามารถขจัดปัญหาความเครียดที่เกิดขึ้น นั่นก็คือ ความคิดของตัวคุณเองลองเปลี่ยนความคิดเชิงลบเป็น ความคิดเชิงบวก (Positive Thinking) เป็นการเปลี่ยนการรับรู้ของตัวคุณเอง ฝึกคิดใหม่ ทำใหม่ คือถ้ารู้สึกว่าตัวเองคิดมาก หาทางออกไม่ได้ ควรหยุดคิดสักพัก แล้วลองไปทำอย่างอื่น เพื่อเป็นการผ่อนคลายดู หรือปรับการคิดให้ยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าเดิม คิดอย่างมีเหตุผล คิดเหมือนคนอื่นคิดในบางเรื่อง และคิดถึงคนอื่นบ้าง
ของแบบนี้อาจต้องใช้เวลา แต่ก็ไม่นานจนเกินไปที่คุณจะลองทำได้ ลองเปลี่ยนมาคิดด้านบวกดู โดยมองสิ่งต่างๆ ในทางที่ดี และไม่ควรเก็บปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันมาคิด วิตกกังวล ตัวคุณเองจะเป็นผู้ที่ทำให้เกิดความเครียดมิใช่ใครอื่น แก้ที่ความคิดของตัวคุณจะดีกว่า เพราะนั่นจะเป็นยารักษาโรคเครียดที่ดีที่สุดและได้ผลมากที่สุด
บริหารเวลา อย่างเหมาะสม ควร ทบทวนดูว่าใช้เวลาแต่ละวันไปกับเรื่องใดบ้าง เพื่อการจัดแบ่งเวลาให้เหมาะสม ทั้งการทำงาน สังสรรค์ ครอบครัว และการพักผ่อน จะช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีเวลาเหลือสำหรับตนเองและครอบครัว ทำให้เครียดน้อยลง
เบื้องต้น หากยังไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนดี ลองสังเกตเพื่อนร่วมงานที่บริหารเวลาได้ดี และลองทำตามดู อาจช่วยให้บริหารเวลาได้ดีขึ้น
การบริหารเวลานี้หมายรวมถึงการพักผ่อนหย่อนใจ เช่น หลังเลิกงานแล้ว ควรหาทางพักผ่อนเพื่อผ่อนคลายจิตใจที่เครียดมาตลอดทั้งวันหรือทั้งสัปดาห์ เป็นการชาร์จแบตไปในตัว กิจกรรมพักผ่อนก็มีอยู่มากมาย แต่ควรเลือกที่ตรงข้ามกับงานประจำ เช่น งานประจำนั่งโต๊ะทั้งวัน ยามว่างควรทำกิจกรรมกลางแจ้งเพื่อเคลื่อนไหวร่างกาย หรืองานประจำเป็นผู้ให้บริการ ยามว่างควรให้ผู้อื่นบริการบ้าง หรือจะเลือกไปออกกำลังกายกับกลุ่มเพื่อนในวันหยุด เพื่อให้ตัวเองรู้สึกกระปรี้กระเปร่าพร้อมกลับไปทำงานอย่างเต็มที่ก็น่าสนใจ ไม่น้อย
ยืนยันสิทธิของตัวเอง บางครั้งความเครียดอาจเกิดจากการอ่อนข้อ หรือเกรงใจผู้อื่นมากไป การรู้จักยืนยันสิทธิของตัวเองบ้าง จะทำให้เป็นที่เกรงใจของผู้อื่น
สิทธิที่ควรรักษา คือสิทธิที่จะปฏิเสธอย่างมีเหตุผล สิทธิที่จะทำงานด่วนของตัวเองให้เสร็จก่อน สิทธิที่จะไต่ถามเพราะความไม่เข้าใจ และสิทธิที่จะเปลี่ยนใจเมื่อได้ข้อมูลใหม่ อย่าให้ความเกรงใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเป็นชนวนสู่ความเครียดของคุณเลย
สร้างความเข้มแข็งทางจิตใจ โดยการสร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเอง พัฒนาปรับปรุงตัวเอง เข้าใจชีวิตว่าไม่มีอะไรที่แน่นอน ดังนั้นอย่ายึดติดกับอดีต หรือกังวลกับอนาคตมากเกินไป พึงระลึกไว้เสมอว่าจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว จิตใจที่เข้มแข็งจะช่วยให้เอาชนะความเครียดได้ สิ่งสำคัญอย่าลืมสร้างความอบอุ่นในครอบครัว เพราะเป็นกำลังใจที่สำคัญในการต่อสู้กับอุปสรรค
ที่สำคัญ ควรพูดอย่างสร้างสรรค์ หมั่นพูดชมเชย ไต่ถามทุกข์สุข ให้กำลังใจ ประสานความเข้าใจ เพื่อ ลดความขัดแย้งในการทำงาน จะช่วยตัดปัญหา ลดความเครียด ประโยคที่ควรพูดให้ติดปากคือ “สวัสดี ขอโทษ ขอบคุณ แสดงถึงการมีมารยาทและเป็นเสน่ห์แก่ผู้พูด เพราะการพูดอย่างสร้างสรรค์จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานด้วย อย่าลืมว่าการทำงานต้องมีปัญหา ดังนั้นอย่าแก้ปัญหาโดยใช้อารมณ์ จะทำให้เครียดมากขึ้นไปอีก
สร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน สามารถทำได้โดยเอาใจเขามาใส่ใจเราอยู่เสมอ อย่าคำนึงถึงแต่ตัวเองมากเกินไป เพราะการทำงานหมายถึงการอยู่ในสังคมกับเพื่อนร่วมงาน และการที่ผู้ร่วมงานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ร่วมมือกันในการทำงาน จะทำให้เกิดความอบอุ่น สนุกกับงาน และมีกำลังใจมากกว่าการทำงานโดยลำพัง ที่สำคัญควรแสดงอารมณ์อย่างเหมาะสม ควรฝึกควบคุมอารมณ์ คิดก่อนทำ ทำอย่างเหมาะสม จะได้ไม่เกิดปัญหาในภายหลัง
เมื่ออารมณ์ดี ควรแสดงออกด้วยการยิ้ม พูดเล่น เพื่อให้คนใกล้ชิดรอบข้างรู้สึกดีด้วย เมื่ออารมณ์ไม่ดีอย่าเพิ่งพูด หรือทำอะไรลงไป หลบจากสถานการณ์และหายใจลึกๆ ไตร่ตรองผลที่จะตามมา ทำให้มีสติและเครียดน้อยลง เพราะการเก็บอารมณ์ที่ไม่ดีเอาไว้ และแสดงอารมณ์ไม่เหมาะสมจะทำให้เกิดความเครียดได้
ที่มา :www.jobjob.co.th