แล้วเคยค้นหาสาเหตุหรือไม่ว่าอะไรทำให้คุณล้มเหลวและไม่ถูกเลือก ฮาวทูฉบับนี้มีเหตุผลดังกล่าวมาฝากกัน รวมทั้งข้อแนะนำเพิ่มถึงการทำงานให้ประสบความสำเร็จมากขึ้นอีกด้วย เพื่อเป็นเคล็ดลับไปสู่ชีวิตการทำงานที่ดีขึ้นของคุณ
1. ประวัติการทำงานไม่ดี
นั่นก็คือย้อนอดีตของการทำงานในชีวิตการทำงานที่ผ่านมาของคุณ เช่น เปลี่ยนงานบ่อย ไม่มีความเสมอต้นเสมอปลายในการทำงาน ขาดความอดทน ทำงานที่ไหนอยู่ได้ไม่นาน มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานหรือ ผู้บังคับบัญชา และถ้าหากในรอบ 2 ปีที่ผ่านมานั้นคุณเปลี่ยนงานมาไม่น้อยกว่า 3 องค์กร นั่นอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คุณไม่ถูกเลือก เพราะ องค์กรใหม่อาจจะมองว่าคุณอาจจะทำงานได้ไม่นาน งานที่จะมอบหมายให้คุณรับผิดชอบอาจจะไม่มีความต่อเนื่องมากพอ เพราะคุณอาจจะเปลี่ยนงานไปเสียก่อน
2. ชอบทำงานคนเดียว
นั่นก็คือทำงานเป็นทีมเวิร์กไม่เป็น ขาดการประสานงาน ร่วมงานกับคนอื่นไม่ได้ ทำงานเป็นแบบวันแมนโชว์ ซึ่งมักจะมีคนกล่าวกันว่าคนไทยเก่งแบบทำงานคนเดียว แต่หากจะต้องทำงานเป็นหมู่คณะแล้วมักจะมีปัญหา แต่นั่นอาจจะเป็นเพียงความเชื่อเก่าๆ ก็เป็นไปได้ หากเมื่อรู้ว่า นั่นเป็นปัญหาในการทำงานแล้วปรับเปลี่ยนวิธีการเสียใหม่ก็ยังทันกาล
3. ไม่มีเป้าหมายในการทำงาน
กล่าวคือ มาสมัครงานเพื่อให้ได้งานทำหรือให้ได้เงินเดือนขึ้นเยอะๆ แบบก้าวกระโดด ทำงานแบบขอไปทีเพื่อจะให้ได้ประสบการณ์สั้นๆ แล้วไปสมัครงานที่อื่นต่อ ซึ่งเด็กรุ่นใหม่นิยมใช้วิธีเช่นนี้กันมาก ทำงานแห่งละ 5-6 เดือน ก็ลาออกไปสมัครงานใหม่เพื่อเพิ่มค่าตัว แล้วเอาเครดิตว่านั่นเป็นประสบการณ์ในการทำงาน แต่องค์กรขนาดใหญ่จะไม่ได้มองเช่นนั้น เพราะการทำงานแห่งละ 5-6 เดือน ยังไม่ได้ให้อะไรแก่คุณมากพอ
4. ไม่สนใจและทุ่มเทให้กับงานเพียงพอ
กล่าวคือ การทำงานแบบที่เรียกว่าเช้าชามเย็นชามนั่นคือทำงานไปเรื่อยๆ เปื่อยๆ แบบฆ่าเวลา แถมยังมีข้อแม้ในการทำงานอยู่มากมาย ในการที่จะทำงานเพิ่ม หรือการไปทำงานต่างจังหวัด กลับดึก เช่น ติดภาระครอบครัว เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ ถนัดแต่งานสบาย หนักไม่เอาเบาไม่สู้ ห้ามรบกวนวันหยุดแม้ว่าบริษัทอาจจะมีเรื่องฉุกเฉินและตามตัวมาทำงานด่วนใน ช่วงวันหยุด
5. มีญาติพี่น้องที่ทำงานอยู่กับบริษัทคู่แข่ง
บริษัทข้ามชาติใหญ่ๆ มักจะมีกฎอยู่ว่า พี่น้อง สามีภรรยา หรือคนในครอบครัวเดียวกัน นามสกุลเดียวกัน ไม่ควรที่จะทำงานในองค์กรเดียวกัน เพราะเกรงปัญหาเล่นพรรคเล่นพวก หรือคนไทยเรียกว่าสร้างอาณาจักร หรือบ่างแห่งจะสืบให้แน่ชัดไปอีกว่าคุณมีญาติหรือคนในครอบครัวเดียวกันทำงาน ให้กับบริษัทคู่แข่งอยู่หรือไม่ นั่นอาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คุณไม่ถูกเลือก เพราะเกรงว่าว่าจะเสี่ยงต่อการเก็บความลับของบริษัท การนำข้อมูลไปขายให้กับบริษัทคู่แข่ง
6. ไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอ
คือประเมินตนเองหรือสถานการณ์ผิด คือไปสมัครงานไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง มีความสามารถอย่างแต่ไปสมัครงานอีกอย่าง หรือสมัครงานในตำแหน่งที่เกินความสามารถจริงๆ เมื่อได้เข้าไปทำงานจริงกลับทำไม่ได้ ทำให้คุณไม่สามารถผ่านการประเมินผลได้เช่นกัน
7. กำลังศึกษาต่อ
บางบริษัทอาจจะมองว่าเป็นข้อดีที่คุณรักความก้าวหน้า แต่บางบริษัท ก็ไม่มีนโยบายที่จะสนับสนุนให้พนักงานไปเรียนต่อ เพราะเกรงว่าจะใช้เวลาไปกับการเรียนมากเกินไป หรือเสียเวลากับงานวิจัยในการเรียนมากกว่า แถมยังมีแนวโน้มว่าเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วอาจจะลาออกอีกด้วย ทำให้ คุณอาจจะถูกปฏิเสธในเรื่องงานถ้าเขาประเมินดูแล้วว่าผลเสียจะมากกว่า ผลที่องค์กรจะได้รับ
8. เคยมีประวัติต้องโทษและคดีอาญา หรือปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพขั้นรุนแรง
นั่นเป็นเหตุสำคัญที่อาจจะทำให้คุณถูกปฏิเสธในเรื่องงานหรือโอกาสดีๆ ที่จะได้รับการโปรโมตได้เช่นกัน เพราะเป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลม หากประวัติการต้องโทษของคุณเป็นเหตุรุนแรง หรือคุณมีปัญหาการเจ็บไข้ได้ป่วยที่จะต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ต้องไปพบแพทย์บ่อย หรือต้องหยุดพักงานเป็นเวลานานๆ ก็อาจจะถูกตัดโอกาสตรงนี้
9. บุคลิกภาพและภาพลักษณ์
เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้คุณไม่ถูกเลือก เช่น บุคลิกภาพที่ดูมั่นใจตนเองเป็นหญิงมั่นจนเกินงาม แต่งตัวจัด เปรี้ยวจี๊ด และมีความแข็งกร้าวมากเกินไป จนยากที่จะทำงานตามนโยบายได้อย่างราบรื่น หรือใช้เวลาในการดูแลตัวเองมากกว่าจะให้เวลากับเรื่องงานก็เป็นไปได้ ดังนั้นการเดิน สายกลางเมื่อไปทำงานแต่งตัวให้สุภาพสวยงามแต่พอดี จึงเป็นเรื่องที่ ปลอดภัยกว่า หากอยากจะปลดปล่อยเรื่องการแต่งตัวเก็บไว้ช่วงวันหยุดหรือนอกเวลางานจะดี กว่า
10. ทัศนคติในการทำงาน
จากการสัมภาษณ์ในตำแหน่งงานที่มีความสำคัญนั้น ผู้ถูกสัมภาษณ์เข้างานมักจะถูกถามเกี่ยวกับทัศนคติต่างๆ ในการทำงานและสังคม หากทัศนคติของคุณเป็นแง่ลบมากเกินไปในสังคมรอบตัว ก็อาจจะทำให้คุณ ไม่ได้รับการพิจารณา
ดังนั้น หากคุณค้นพบสาเหตุแห่งความล้มเหลวในการสมัครงาน หรือชีวิตการทำงานแล้วละก็ หาทางแก้ไขปรับปรุงสถานการณ์เสียใหม่ เพื่อให้การทำงานราบรื่นยิ่งขึ้น พร้อมทั้งข้อแนะนำดีๆ ในการที่จะทำให้งานของคุณประสบความสำเร็จ ตามเทคนิคความเชื่อของชาวอเมริกันที่ทำการสำรวจมาจากคนทำงานในองค์กรขนาด ใหญ่กว่า 1,500 คน ว่าคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงานนั้นส่วนใหญ่มีลักษณะอย่างไรกันบ้าง ดังต่อไปนี้คือ
1. มีสามัญสำนึกที่ดี
คนที่มีความคิดที่ดี พูดดี ทำดี ก็มักจะมีสามัญสำนึกพื้นฐานที่ดีด้วยเช่นกัน เพราะมีการตัดสินใจและใช้ดุลพินิจในเรื่องต่างๆ บนพื้นฐานสามัญสำนึกที่ดี สามารถแยกแยะผิดถูกในปัญหาที่ซับซ้อนให้เป็นรูปแบบที่เข้าใจง่ายที่สุด
2. มีความลึกซึ้งในงานของตนเอง
เป็นผลจากการใฝ่เรียนรู้ตลอดชีวิต คนประเภทนี้จะพยายามทำ การบ้านอยู่เสมอ ซึ่งการเป็นคนที่เรียนรู้อะไรใหม่ๆ อยู่เสมอนั่นเอง จะช่วยลดความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้มากทีเดียว
3. มีความสามารถที่จะทำงานให้บรรลุผล
คนเหล่านี้จะขยันทำงาน มีความสามารถในการจัดการ รู้จักแยกแยะว่าอะไรสำคัญหรือไม่สำคัญ มีเป้าหมายในการทำงานอย่างชัดเจนและเป็นระบบ ไม่ดูเป็นคนเพ้อฝัน
4. มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ อยู่เสมอ
มีความคิดสร้างสรรค์แล้วยังสามารถที่จะจัดการนำความคิดสร้างสรรค์นั้นมาใช้ ได้จริงและเกิดประโยชน์ในการทำงาน บางคนคิดเก่งแต่ทำไม่เก่ง ดังนั้นความคิดสร้างสรรค์ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการทำงานให้เกิด ประโยชน์ได้จริงในชีวิตการทำงานได้ด้วย
5. รู้วิธีสื่อสารเจรจา
คนเราต่อให้เก่งอย่างไร แต่พูดจาประสานงานกับคนอื่นไม่ได้ ก็มี ปัญหาเรื่องการให้ความร่วมมือได้ ดังนั้นต้องเป็นคนที่สามารถประสานงานกับทุกฝ่ายในองค์กรได้เป็นอย่างดี ทำงานกับคนหมู่มากได้ไม่มีปัญหาใน การสื่อสาร สร้างความเข้าใจและทำให้คนอื่นยอมรับได้อย่างไม่มีข้อสงสัย แต่อย่างใด
6. มีภาวะผู้นำ
กล่าวคือ มีบุคลิกเป็นผู้นำน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับ รู้จักจูงใจคน ทำงานเป็นทีมเวิร์กได้ดี โน้มน้าวใจคนเก่ง โดยที่ไม่ต้องใช้อำนาจบาตรใหญ่ มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้ว่าตอนไหนควรอ่อน ตอนไหนควรแข็ง มีทั้งพระเดชพระคุณ ก็จะง่ายราบรื่นและทำงานให้ประสบความสำเร็จได้
7. มีความมั่นใจในตนเอง
การเป็นคนมั่นใจเป็นเรื่องที่ดี รู้ตัวอยู่เสมอว่าตนเองทำอะไรได้มากน้อยเพียงใด แต่ต้องเป็นความมั่นใจที่พอเหมาะพอเพียง ความมั่นใจใน ตนเอง ไม่ได้ต้องทำให้ดูเป็นคนแข็งกร้าวไม่รับฟังคนอื่น รู้ว่าแค่ไหนจะพอดี ไม่มากไป และจะทำงานอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุดสำหรับองค์กรและ ตนเอง
8. โชคช่วย
คนเราเก่งอย่างเดียวไม่พอ ตามความเชื่อของคนจีนนั้นเขาว่าต้อง ทั้งเก่งทั้งเฮง บางครั้งเก่งอย่างเดียวแต่โชคไม่ช่วยโอกาสไม่อำนวยก็อาจจะลำบาก ยากที่จะประสบความสำเร็จได้เช่นกัน ดังนั้นความสามารถและโอกาสจึงมักต้องมาควบคู่กันไป ชีวิตการงานจึงจะประสบความสำเร็จเป็นที่พอใจ
ทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วข้างต้น คือข้อแนะนำทั้งข้อดีและข้อด้อยในการทำงานของทุกคน ทุกสาขาอาชีพ สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ คุณเองก็เช่นกันเพียงแต่ยอมรับข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งพยายามแก้ไขปรับปรุงข้อเสียเหล่านั้นเสียใหม่ เชื่อแน่ว่าคุณจะไม่ถูกปฏิเสธอย่างแน่นอน
ที่มา : http://www.jobjob.co.th