ทดลองใช้งานฟรี
จากซูแซนน์ เบตส์ ผู้เขียนหนังสือ Speak Like a CEO และโดนัลด์ ทรัมป์
1. “นั่นไม่ใช่งานของดิฉัน / ผม” เหตุผล: ถ้าเป็นการโยนงานมาจากเจ้านาย ก็แปลว่านายต้องการความช่วยเหลือจากคุณนั่นแหละ รับทำเพื่อเก็บเป็นโปรไฟล์ที่ดีติดตัวไว้เถอะ สิ่งที่ควรพูดที่สุด: อย่าเพิ่งปฏิเสธเจ้านาย (หรือใครก็ตาม) แบบมะนาวไม่มีน้ำ ถ้าทำไม่ไหวจริงๆ ควรออกตัวด้วยประโยคทำนองว่า ตอนนี้มีงานหลายชิ้นที่ยังไม่เสร็จ เกรงว่าหากมีงานใหม่เข้ามาอาจทำให้ส่งงานช้าลง หรือหากทำเร็วกว่ากำหนดคุณภาพอาจไม่ดีพอ จากนั้นเจรจาขอให้เจ้านายลดงานเก่าที่คั่งค้างอยู่ หรือเลื่อนกำหนดส่งออกไป เป็นต้น2. “ฉันมีเรื่องจะเมาท์” เหตุผล: คงไม่ดีแน่หากชื่อเสียงของคุณจะเป็นที่โจษจันไปทั่วออฟฟิศว่าคุณเป็นเจ้ากรมข่าวลือ และชอบแอบเมาท์แทงคนอื่นลับหลังประจำ สิ่งที่ควรพูดที่สุด: เข้าใจว่าความคันปากไม่เข้าใครออกใคร แต่ถ้าพูดไปแล้วไม่มีประโยชน์ สู้ตั้งหน้าตั้งตาทำงานไม่ดีกว่าหรือ3. “ฉันมีไอเดียหนึ่งอยากจะแชร์ แต่อาจฟังดูโง่ๆ คือว่า” เหตุผล: การพูดออกตัวเช่นนี้ถือเป็นการบั่นทอนความน่าเชื่อถือในสิ่งที่กำลังจะพูด สิ่งที่ควรพูดที่สุด: ตัดคำพูดออกตัวที่อาจฟังดูติดลบออกไป แล้วให้ลุยในเรื่องที่อยากจะพูดอย่างมั่นใจที่สุด4. “ฉันไม่มีเวลาพูดกับเธอหรอกนะ” เหตุผล: เป็นประโยคที่ฟังหยาบคาย (ไม่) ได้ใจมากๆ ไม่เหมาะทั้งพูดต่อหน้าและทางโทรศัพท์
สิ่งที่ควรพูดที่สุด: เดี๋ยวนะเธอ ฉันใกล้จะเสร็จงานนี้แล้ว อีกสัก 10 นาที (หรือเท่าไรก็ว่าไป) เราค่อยคุยกันไหม
5. “ทำงานมาตั้งหลายปี ไม่เห็นขึ้นเงินเดือนให้เสียที” เหตุผล: การพิจารณาขึ้นเงินเดือน เจ้านายไม่ได้เอาอายุงานมาเป็นเครื่องวัด หากประเมินกันที่ผลงานมากกว่า
สิ่งที่ควรพูดที่สุด: หากได้โอกาสเหมาะและอยากจะพูดเรื่องนี้จริงๆ ควรนำผลงานชิ้นโบแดงมาสนับสนุนด้วย จะทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น
6. “ไล่ดิฉัน / ผมออกสิ แล้วคุณจะเสียใจ” เหตุผล: เป็นประโยคที่บ่งชี้ว่าคุณใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล เพราะมีเจ้านายจำนวนหยิบมือ (หนึ่งเปอร์เซ็นต์หรือน้อยกว่า) ที่จะเสียใจจริงดังว่า ฉะนั้นการพูดออกไปจะมีโอกาสเสี่ยงถูกเจ้านายอัปเปหิตามคำขอสูงทีเดียว
สิ่งที่ควรพูดที่สุด: ควรคิดก่อนพูด อย่าทะนงตนว่าคุณทำงานเก่ง เพราะการอยู่ร่วมกันในที่ทำงานนั้นมีเส้นบางๆ ที่แบ่งบทบาทและความรับผิดชอบชัดเจน ถ้าคุณล้ำเส้น อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้
ที่มา เว็บไซต์ www.trumpuniversity.com