CEO เดินดิน มอง CEO บนตึกใหญ่ เหตุไฉนจึงมาเดินถนน

CEO เดินดิน มอง CEO บนตึกใหญ่ เหตุไฉนจึงมาเดินถนน


     ผมเป็นคนเดียวที่ไม่ใช่
CEO ที่หลงมาเขียนใน CEO BLOG แห่งนี้ เพราะบล็อกเกอร์ท่านอื่นๆล้วนแต่เป็นซีอีโอผู้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก อย่างขวาง มีผลงานเป็นที่เลื่องลือในความสำเร็จ  สาวนหนึ่งเป็นผู้อาวุโสในวงการธุรกิจ  นอกนั้นก็เป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจที่กำลังเติบโต  ทั้งตัวท่านและองค์กรที่ท่านรับผิดชอบอยู่กำลังไต่อันดับไปสู่ความยิ่งใหญ่ ในอนาคต

         
     ผมเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ใช่
CEO อย่างใกล้ที่สุดเคยเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทเล็กๆที่แอบอยู่ก้นซอยลึกที่ สุดในซอยเล็กที่สุดของธุรกิจ  อยู่ห่างจากถนนใหญ่ของความเจริญรุ่งเรืองไปไกลถึงทุ่ง หากจะนับว่าเป็นซีอีโอ ผมก็เป็นซีอีโอที่มีสำนักงานอยู่กลางทุ่ง เป็นซีอีโอเดินดิน

         
     ข้อดีของ
CEO เดินดินกลางทุ่งอย่างผมก็คือ ผมมองเห็น  CEO บนตึกใหญ่ชัดเจน  เพราะท่านเหล่านั้นล้วนใหญ่ทั้งชื่อเสียง เกียรติยศและความรับผิดชอบ เป็นที่จับจ้องของสังคม  คิดอะไร ทำอะไร ส่วนมากสังคมจะรับรู้หรือหาทางทำให้รู้ หรือพวกท่านเองนั่นแหละที่ต้องการให้สังคมรับรู้  ส่วน CEO เดินดินอย่างผม ไม่มีใครอยากรู้ และ CEO ใหญ่ทั้งหลายก็มองไม่เห็นผม เพราะพญาเหยี่ยวบนฟากฟ้า ไม่อาจจะมองเห็นบักเตรี หรือ อะมีบา บนพื้นดินอย่างแน่นอน

         
     เอาเป็นว่า ณ ที่นี้ ผมจะใช้สายตาของ
CEO เดินดิน มอง CEO บนตึกใหญ่ทั้งหลาย พยายาม อ่าน สิ่งที่พวกท่านทำและพยายาม ถอดรหัสเพื่อเป็นการฝึกสมองลองปัญญา พัฒนาความคิด ของตัวเอง และอาจจะเป็นประโยชน์ต่อ CEO เดินดินพวกเดียวกันบ้าง แม้สักน้อยก็ยังดี

         
     สิ่งแรกที่ผมอยากจะมองก็คือ ในระยะ
4-5 ปีมานี้ มีปรากฏการณ์เล็กๆเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ  ซึ่งสังคมทั่วไปอาจจะไม่ถือว่าเป็นปรากฏการณ์อะไร  หรืไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ  แต่สำหรับผมนั้น เฝ้ามองและพยายามครุ่นคิดคิดถึงเหตุผลที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์(ในความคิดของผม) ลักษณะนี้ขึ้นมา นั่นคือ มี ECO ของบริษัทใหญ่ระดับมหาชนมาเดินถนนเพื่อโปรโมทสินค้าและบริการของตัวเอง ทั้งๆที่หน้าที่นี้แต่เดิมคือพนักงานฝ่ายการตลาดที่จะต้องจัดกิจกรรมหรือEvent ขนาดใหญ่ขนาดย่อยตามความสำคัญของงาน

         
     แต่ที่เห็นและเป็นขึ้นก็คือ มีระดับ
ECO ลงมา เล่นด้วยตัวเองในงานเปิดตัวสินค้าหรือโปรโมชั่นนี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือ จึงทำให้ CEO ที่เคยนั่งบัญชาการที่กองบัญชาการบนตึกใหญ่ ต้องลงมาเดินถนนคลุกฝุ่นด้วยตนเอง


แล้ว
CEO ที่ว่านี่น่ะ คือใคร บริษัทใด ธุรกิจประเภทใด

         
    
CEO ที่จะยกตัวอย่างมาในที่นี้ ก็มี คุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่า กทม.  คนปัจจุบันเมื่อครั้งยังทำงานเป็นผู้บริหารที่ออเรนจ์ (ปัจจุบันคือทรูวิชั่น) คุณศุภชัย  เจียรวนนท์ แห่งทรูวิชั่น และคุณซิกเว่ เบรกเก้ แห่งดีแทค เจ้าของคำพูด จะจัดให้คร้าบในโฆษณาแฮปปี้ดีแท็ค นั่นเอง

         
     โปรดสังเกตต่อไปว่า ผู้บริหารระดับสูงที่กล่าวมานี้ ล้วนแต่เป็นผู้บริหารของธุรกิจสื่อสาร เจาะลงไปให้ชัดก็คือโทรศัพท์มือถือ ที่ลงมาเดินถนนให้ฝุ่นจับ เพื่อโปรโมทสินค้าและบริการ


คำถามต่อไปก็คือ เหตุไฉน
CEO บนตึกใหญ่ จึงมาเดินถนน?

         
     ผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้ ทำไมจึงต้องลงมาเดินถนนให้ฝุ่นจับด้วยตนเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ไม่เคยปรากฏว่ามีกิจกรรมลักษณะนี้มาก่อน
  เราเคยเห็นแต่ภาพของซีอีโอ เอ็มดี และผู้มีอำนาจในองค์กรทั้งหลาย ใส่สูท นั่งประชุม สั่งงานอยู่ในสำนักงานอันสวยงามอลังการเริดหรู  หรือจะเปิดงานก็มีแต่ในโรงแรมที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ อลังการงานสร้าง มีแต่แขกผู้มีเกียรติมาร่วมงาน  ซึ่งต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับภาพที่เห็นในงานแห่แหนเปิดตัวสินค้าและบริการ แบบติดดิน

         
     ผมก็ได้แต่คิดต่อไปว่า เหตุผลที่ท่านผู้ยิ่งใหญ่ในองค์กรระดับยักษ์เหล่านี้ ลงมา
เล่นเองถึงลานดินนั้น มีอะไรบ้าง

         
     ประการแรก ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจให้บริการ
  ซึ่งผู้ใช้บริการหลักนั้นคือคนเดินดิน กินข้าวแกง ทำงานใช้แรง นั่งรถโดยสารสาธารณะ  การลงมาเล่นติดดินคลุกฝุ่นเช่นนี้ เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้บริการกลุ่มเป้าหมายได้อย่างใกล้ ชิดยิ่ง ก่อให้เกิดความชอบ อันนำไปสู่ความรัก พัฒนาไปสู่ความภักดี ได้ไม่ยาก บวกกับโปรโมชั่นที่โดนใจอีก แบบนี้โอกาสที่ผู้ใช้บริการจะเทใจให้ก็สูงขึ้น  ดังนั้น จึงคุ้มค่าแก่การที่ CEO จะลงมาคลุกฝุ่นอย่างแน่นอน

         
     ประการที่สอง ธุรกิจนี้มีการแข่งขันสูง แม้จะมีผู้ให้บริการเพียงแค่ไม่กี่ราย แต่การที่เจ้าเดิมเริ่มแรกคือ เอไอเอสกุมอำนาจใหญ่ คือมีสัดส่วนผู้ใช้บริการมากเกินครึ่งและมีมายาวนาน และต้นทุนการจัดการก็ต่ำ ทำให้เกิดการผูกขาดการให้บริการกลายๆด้วยกลไกราคาค่าบริการที่ได้เปรียบราย อื่น
  นำมาสู่การพยายามแย่งชิงส่วนแบ่งในหมู่ผู้มาทีหลัง  ทั้งพยายามแย่งชิงผู้ใช้บริการที่ผูกติดอยู่กับเจ้าเดิม และผู้ใช้บริการที่ยังไม่เทใจไว้กับใคร รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่เติบโตขึ้นมาทุกวัน  ดังนั้น การที่คนใหญ่คนโตระดับผู้นำองค์กรลงมาเล่นเอง ย่อมจะมีพลังในการดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากขึ้น  เพราะนอกจากเป็นผู้นำองค์กรแล้วยังเป็นคนเด่นคนดังของสังคมด้วย  พลังแห่งการโน้มน้าวจึงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

         
     ประการที่สาม คิด และทำที่แตกต่าง นั่นคือ เป็นการแหวกขนบเดิมๆที่ผู้บริหารระดับสูง ไม่ว่าจะเป็น ซีอีโอ เอ็มดี และผู้ที่อยู่ในระนาบเดียวกันและใกล้เคียงกัน
  เป็นผู้วางแผน สั่งการ อยู่ในสำนักงานอันเปรียบเสมือนกองบัญชาการใหญ่ มากกว่าจะลงมาอยู่ในงานเปิดตัวโปรโมทสินค้าตามจุดต่างๆที่เปรียบเสมือนแนว หน้าในเขตสู้รบ ชีวิตของพวกท่านทั้งหลายดำเนินอยู่ในร่มไม้ชายคาสำนักงานหรือ Indoor มากกว่าที่ออกมาคลุกฝุ่นกลางสนามหรือ Outdoor  การออกมาของบรรดาผู้นำองค์ที่ได้ยกตัวอย่างมานี้ นับเป็นการคิดและทำแตกต่างจากขนบเดิมๆก็ว่าได้ 

         
     แนวโน้มของธุรกิจที่เรียกยุคดิจิทัลก็ดี ยุค
3.0 ก็ดี หรือยุคอะไรก็แล้วแต่ที่ผู้คนคิดค้นขึ้นมาเรียกขานสภาวะในปัจจุบันนี้ ซึ่งมีสภาพที่ ไม่เสถียรเหมือนแต่ก่อน กล่าวคือไม่สามารถแยกแยะประเภทของผู้เล่นได้อย่างเด็ดขาดอีกต่อไป นั่นคือ ผู้ซื้อผู้ขาย ผู้ให้บริการกับผู้ใช้บริการ ไม่ได้มีฐานะแบบเดี่ยวๆอีกแล้ว  เพราะต่างก็เป็นทั้งสองอย่างไปพร้อมๆกัน  ยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจนก็คือ ผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม ขณะที่เป็นผู้ให้บริการแก่ลูกค้าโทรศัพท์มือถือ ก็เป็นลูกค้าของ กสท. หรือ ทศท. ที่ให้บริการช่องทางสัญญาณ  หรือบรัทเล็กกว่าอย่าง ดีแท็ค, ทรูวิชั่น, ฮัทซ์ ต้องอาศัยเชื่อมสัญญาณกับโครงข่ายของเอไอเอส เป็นต้น  การหาวิธีการที่จะดึงดูดใจผู้ใช้บริการและการยืนอยู่ในใจผู้ใช้บริการให้ยาว นานที่สุด จึงต้องอาศัยกลยุทธ์ใหม่ๆที่แสดงให้ผู้ใช้บริการเห็นว่า เป็นพวกเดียวกัน ดังนั้น การลงมาเล่นบนลานดินของบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย นับว่าเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่น่าจะให้คำตอบในเรื่องนี้ได้

         
     ในกาลต่อไปเราอาจเห็น
CEO ของธุรกิจอื่นๆลงมาเดินดิน ตากแดด คลุกฝุ่นกันมากขึ้น เพื่อซื้อใจของผู้ใช้บริการที่อยู่ระดับฐานรากของตึก โดยเฉพาะในภาวะวิกฤติที่กำลังแผ่กระจายสู่ระบบเศรษฐกิจของโลก ที่เริ่มจากปัญหาซับไพรม์ของสหรัฐ อัดซ้ำด้วยราคาน้ำมัน และถูกถีบอีกทีด้วยราคาอาหารที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมัน ทำให้กำลังซื้อถดถอย การแข่งขันเพิ่มขึ้น ใครสามารถสร้างความรู้สึก เป็นพวกเดียวกันกับผู้บริโภคที่กำลังอกสั่นขวัญแขวน คนนั้นย่อมมีโอกาสที่จะเอาชนะใจจนทำให้ผู้บริโภคเข้าเป็นพวกได้มาก

         
     ใน สายตาของ
CEO เดินดิน ก็มองได้อย่างนี้แหละครับ  ใครจะเอาไปคิดต่อหรือเห็นแตกต่างอย่างใดก็เชิญท่านว่ากันตามแต่สติปัญญาของ แต่ละท่านเทอญ.

 

ที่มา : http://newsroom.bangkokbiznews.com

 

 1498
ผู้เข้าชม
ทำเว็บธุรกิจ ทําเว็บขายของ ออกแบบเว็บไซต์ เว็บไซต์สำเร็จรูป SoGoodWeb

People Management

ไม่พบรายการที่คุณค้นหา
Get started for free today. DEMO FREE 60 DAYS
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์