เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ผมได้มีโอกาสไปเข้าร่วมสัมมนาหัวข้อ FISH! ซึ่งเป็นแนวคิดที่น่าสนใจในการสร้างแรงจูงใจให้คนทำงาน จากหนังสือชื่อดังที่เขียนโดย ดร.สตีเว่น ซี. ลันดิน มีแปลเป็นไทยชื่อ ฟิช ป(ล)าฏิหาริย์แห่งความสำเร็จ พัฒนาความสุขให้ชีวิต แปลโดยคุณจิระนันท์ พิตรปรีชา งานนี้จัดโดยสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ และองค์กรชั้นนำอีกหลายแห่ง
ระหว่างพักเที่ยงผมมีโอกาสร่วมทานข้าวเที่ยงโต๊ะเดียวกับคุณวินัย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ผมเคารพ ท่านเป็นผู้ซึ่งประสบความสำเร็จมากในวงการธุรกิจ ปัจจุบันได้เกษียณตัวเองมาทำงานเพื่อสังคม
ระหว่างที่เราคุยกันบนโต๊ะอาหาร มีสุภาพสตรีท่านหนึ่งมาขอร่วมโต๊ะด้วย เธอถามด้วยความสุภาพว่า “ประทานโทษค่ะ ดิฉันติดธุระไม่ได้มาช่วงเช้า พอจะเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมคะว่า สัมมนาวันนี้มันเป็นเรื่องอะไรกันคะ”
คุณวินัยยิ้มด้วยความเมตตา พร้อมกับเอ่ยว่า “แนวคิดเรื่องฟิชนี้ มาจากเรื่องจริงของร้านขายปลาที่ชื่อ Pike Place Fish ในเมืองซีแอตเติล อเมริกา ที่นี่แตกต่างกับร้านขายปลาอื่นๆ คือมีบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยความสนุกสนานร่าเริง และบริการลูกค้าดีเยี่ยม จนกลายเป็นสถานที่ที่คนมาท่องเที่ยวและทัศนศึกษาดูงานเป็นจำนวนมาก
ถ้าคุณสั่งซื้อปลาในร้าน พนักงานคนที่มีหน้าที่บริการคุณจะหาปลาให้คุณตามความต้องการ เมื่อได้ปลาแล้วแทนที่เขาจะเดินไปชั่งตามปกติ เขาจะโยนไปที่พนักงานอีกคนหนึ่งซึ่งมีหน้าที่ทำการชั่ง พร้อมกับตะโกนว่า ปลาแซลมอนหนึ่งตัวกำลังจะบินไปเมืองมินนิโซตาแล้ว
ถ้าอยากรู้เรื่องของร้านนี้ก็ลองไปที่เว็บไซต์ www.pikeplacefish.com ดูซิครับ”
ผมเสริมว่า “ที่นี่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทำงานจากทั่วโลกเป็นจำนวนมาก เพราะว่าเมื่อคนได้เห็นหรือรู้ว่า ขนาดคนขายปลา ซึ่งถือว่าเป็นการทำงานในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ได้เลิศเลอเท่าไร ยังสามารถทำงานอย่างมีความสุขได้ คนส่วนใหญ่ก็มักจะมีมุมมองกับงานของตนที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น”
สุภาพสตรีท่านนี้ถามต่อ “อะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จของร้านขายปลาแห่งนี้คะ”
คุณวินัยตอบว่า “มีหลักการ 4 ข้อ คือ
1. Play หรือสนุกกับงาน มีจิตใจที่มีความสุข พยายามหามุมมองที่จะทำให้เกิดความสนุกกับงานให้ได้
2. Make their day หรือสร้างสรรค์วันดี บริการผู้อื่นก่อน และสร้างความรู้สึกที่ดี เพื่อให้เขาจดจำเราไปนานๆ
3. Be there อยู่ตรงนั้น พยายามมีสติกับงานและลูกค้า ณ ขณะนั้น ชีวิตเป็นสิ่งที่สวยงามมีคุณค่า อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด
4. Choose your attitude เราอาจเลือกสิ่งแวดล้อมหรือเลือกความรู้สึกไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกทัศนคติที่ดีได้”
เธอถามต่อ “มีตัวอย่างการทำงานในลักษณะที่เรียกว่า play แบบตลาดปลาแห่งนี้ในประเทศไทยบ้างไหมคะ”
ผมตอบว่า “ผมคิดว่ามีเยอะนะครับ ผมจะลองยกตัวอย่างลูกค้าของผมรายหนึ่งให้ฟัง
ที่บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เรื่องความสะอาดเป็นหัวใจสำคัญของการบริการลูกค้าที่นี่ ในแต่ละสาขา ทุกเดือนจะมีหนึ่งวันก่อนเปิดสาขาที่พนักงานทุกๆ คน จะมาร่วมลงไม้ลงมือช่วยกันทำความสะอาดสาขา
พนักงานให้ความร่วมมือกันด้วยดีทุกคน แต่บรรยากาศก็พอประมาณ เนื่องจากว่าการทำความสะอาดไม่ใช่งานที่น่าจะภาคภูมิใจสักเท่าไร พนักงานส่วนใหญ่ก็ให้ความร่วมมือโดยมาช่วยกันทำในลักษณะที่ว่าทำไปโดย หน้าที่ซะมากกว่า
ที่สาขารัตนาธิเบศร์ คุณสุวินซึ่งเป็นผู้จัดการทั่วไปประจำสาขานี้ มีความคิดที่สร้างสรรค์ เขารู้ว่าคนไทยกับความสนุกเป็นของคู่กัน เขาคิดว่าเขาน่าจะทำให้พนักงานสนุกกับการทำความสะอาดประจำเดือนนี้ได้
เขาจึงริเริ่มโครงการขึ้นมาในลักษณะของการจัดงานประจำเดือน เขาจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาโดยให้มีสมาชิกมาจากหลายหน่วยงาน โดยให้มีแต่ระดับพนักงาน ตั้งแต่พนักงานธุรการ จนกระทั่งแม่บ้าน ทีมงานนี้คอยนำแนวคิดของเขาไปปฏิบัติ
ในเดือนแรก เขาใช้ชื่อโครงการว่า แจ๋วระเบิดศึก แนวคิดก็คือ ในวันที่เขากำหนดให้เป็นวันทำความสะอาด ในตอนเช้าสมมติว่าเขาจะทำความสะอาดระหว่างเวลา 7-8 นาฬิกา เวลา 6 โมงครึ่ง เขาจะจัดให้มีการเดินแฟชั่นโชว์ โดยที่ใครก็สามารถเข้ามาประกวดได้ โดยต้องแต่งตัวเป็นคุณแจ๋ว หรือชุดคนทำความสะอาด
ปรากฏว่าเป็นการทำความฝันให้เป็นความจริงสำหรับหลายๆ คน ที่ฝันว่าวันหนึ่งจะได้เดินบนแคตวอล์กหรือเวทีประกวดแฟชั่นโชว์ พนักงานจำนวนมากสมัครเข้าประกวด พวกเขาไปค้นหาเสื้อผ้าเก่าๆ เท่าที่จะหาได้ บางคนก็มาดึงให้ฉีกขาดสมจริง แล้วร่วมการเดินแบบ จบท้ายด้วยรางวัลเล็กๆ น้อยๆ เพื่อสร้างสีสัน
ปรากฏว่าพนักงานต่างกระตือรือร้น และมีความสนุกกับการทำความสะอาดในวันนั้นอย่างมาก”
เธอถามต่อว่า “น่าสนใจมากนะคะ แต่ว่ามันเป็นแค่ครั้งเดียวใช่ไหมคะ”
“ไม่ใช่ครับ เขาทำทุกเดือน เดือนละครั้ง โดยแต่ละเดือนก็จะมีสีสันให้เข้ากับบรรยากาศและเทศกาลของเดือนนั้นๆ
เช่น ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก เขาก็จัดงานวันทำความสะอาดโดยใช้ชื่อว่า แจ๋วไปร่วมบอลโลก แล้วก็ให้พนักงานแต่งตัวชุดนักกีฬาฟุตบอล แล้วก็มีการเดินแฟชั่นโชว์ประกวดชุดที่มีสีสัน”
คุณวินัย เสริมว่า “ความสนุกเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทยที่มีมานมนาน ในอดีตสมัยที่ประเทศเรายังเป็นประเทศเกษตรกรรมอยู่นั้น เวลาที่ถึงหน้าทำนา ชาวนาจะมาช่วยกันลงแขก คือการที่ร่วมลงมือช่วยกันทำนาของเพื่อนบ้าน พอตกเย็นก็มีการร่วมกันทานข้าว พร้อมกับดื่มสังสรรค์กัน แล้วก็อาจจะมีการรำวงเป็นการสันทนาการ แสดงออกถึงการประยุกต์ใช้ความสนุกในการทำงานที่เรามีมานานแล้วครับ”
ที่มา : http://jobmsn.jobjob.co.th
