หนังสือเรื่อง "Five Mind for the Future" ของ Harvard Business School เขียนโดย ศาสตราจารย์ฮาวเวิร์ด การ์ดเนอร์ (Howard Gardner) ได้กล่าวถึง จิต 5 ประการ ที่จะนำพามนุษย์ไปสู่การเป็นสุดยอดผู้นำ หรือยอดคนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศักยภาพ จิต 5 ประการดังกล่าว มีดังนี้
1. จิตชำนาญการ (Disciplined Mind)เป็น วิธีคิดที่เกี่ยวกับสาขาวิชาหลักๆ และสายวิชาชีพต่างๆ ซึ่งเป็นความสามารถในการประยุกต์ความขยันหมั่นเพียรของตน พร้อมทั้งปรับปรุงสิ่งที่เล่าเรียนมาให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
2.จิตสังเคราะห์ (Synthesizing Mind) เป็นการเลือกข้อมูลที่สำคัญจากข้อมูลมากมาย ที่ได้รับจากหลายๆ แหล่ง และจัดการกับข้อมูลได้อย่างสมเหตุสมผล ทำความเข้าใจกับข้อมูลและประเมินข้อมูลโดยปราศจากอคติ ผสมผสานให้กลายเป็นข้อมูลใหม่ ที่มีความหมายต่อตนเองและผู้อื่น
3.จิตสร้างสรรค์ (Creating Mind) เป็นยิ่งกว่าจิตชำนาญการและจิตสังเคราะห์ โดยเป็นการผลิตความคิดใหม่ๆ พร้อมตั้งคำถามที่แตกต่างไปจากเดิม และกำเนิดเป็นวิธีคิดที่สดใหม่ ซึ่งก็อาจจะกลายเป็นคำตอบที่คาดไม่ถึง
4.จิตเคารพ (Respectful Mind) เป็น การตอบสนองต่อคนและกลุ่มคนที่มีความแตกต่างหลากหลายอย่างเห็นอกเห็นใจ และเป็นไปในทางสร้างสรรค์เป็นความพยายามที่จะเข้าใจ และทำงานร่วมกันกับคนที่แตกต่างกัน เป็นการขยายขอบเขตของความอดกลั้น และความถูกต้องเหมาะสมของสังคมและการเมือง หรือกล่าวง่ายๆ จิตเคารพเป็นการยอมรับในความแตกต่างระหว่างบุคคล และกลุ่มบุคคลนั่นเอง
5.จิตจริยธรรม (Ethical Mind)เป็น คุณลักษณะที่เป็นนามธรรมค่อนข้างมาก แต่มีความสำคัญในเชิงบทบาทในหน้าที่การงานและบทบาทในการเป็นพลเมือง เป็นการไตร่ตรองถึงธรรมชาติของงาน รวมทั้งความต้องการและความปรารถนาของสังคมที่เราดำรงอยู่ โดยมีแนวคิดที่สำคัญว่า"บุคคลจะตอบสนองต่อจุดประสงค์ที่เหนือไปกว่าประโยชน์ส่วนตนได้อย่างไร" และ "ประชาชนจะทำงานโดยปราศจากความเห็นแก่ตัว และพัฒนาส่วนรวมได้อย่างไร"
จิต 5 ประการดังกล่าว การ์ดเนอร์ บอกว่า เป็นคุณลักษณะสำคัญที่ต้องมี เพราะจะช่วยให้บุคคลนั้นสามารถรับมือได้ทั้งสิ่งที่คาดหวัง และสิ่งที่ไม่คาดคิด ซึ่งถ้าปราศจากจิต 5 ประการนี้แล้ว บุคคลจะตกอยู่ภายใต้อำนาจของพลังที่ตนเองก็ไม่เข้าใจ และไม่สามารถควบคุมอะไรได้ นอกจากจิต 5 นี้แล้วยังมี การสร้างพลังด้วย 5 จิต อ่านเพิ่มเติมได้ที่:ไขลานคนเพื่ออนาคต สร้างพลัง ด้วย 5 จิต
การ์ดเนอร์ ย้ำว่า "คนที่ขาดความชำนาญการ ไม่อาจประสบความสำเร็จในงานที่ต้องการได้ และจะถูกจำกัดอยู่แค่งานที่ต่ำต้อย คนที่ขาดจิตสังเคราะห์ ก็จะถูกโถมทับด้วยข้อมูล และไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ ทั้งเรื่องงานและเรื่องคน ส่วนคนที่ขาดความคิดสร้างสรรค์จะถูกทดแทนด้วยคอมพิวเตอร์และคนที่มีไฟสร้าง สรรค์ สำหรับคนที่ขาดจิตเคารพ ก็ไม่ควรค่าต่อการได้รับความเคารพจากคนอื่น อีกทั้งยังเป็นภัยต่อที่ทำงานและสาธารณชนด้วย สุดท้ายคนที่ขาดจิตจริยธรรม จะทำให้โลกขาดคนทำงานที่ซื่อสัตย์และพลเมืองที่มีความรับผิดชอบตามไปด้วย"
ทั้งนี้ เมื่อย้อนดูคุณลักษณะของชนชั้นผู้นำของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของฝ่ายบริหารประเทศ อย่างเช่น นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ก็ให้นึกสงสัยว่ามีจิต 5 ประการดังกล่าวหรือไม่ มากน้อยเพียงใด หากพิจารณาจากสภาพข้อเท็จจริงที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ก็น่าเชื่อได้ว่า คงมีจิต 5 ประการดังกล่าวข้างต้นน้อยมาก ไม่เช่นนั้นแล้ว คงไม่เป็น "นอมินี" ให้คนอื่นเขาหรอก
ส่วนชนชั้นผู้นำระดับรองๆ ลงมาในรัฐบาลหลายคนคงขาดจิต 5 ประการนี้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น รัฐมนตรีบางคนน่าจะขาดจิตชำนาญการ มิฉะนั้นแล้ว ก็น่าจะแก้ปัญหาเรื่องข้าวได้ หรือรัฐมนตรีบางคนอาจจะขาดจิตสังเคราะห์ และจิตสร้างสรรค์ไป ก็เลยเป็นได้แค่ "เป็ด" เหล่านี้ เป็นต้น
ส่วนจิตจริยธรรม อาจจะหาได้ยากมาก มิฉะนั้นแล้ว คงไม่ดึงดันเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อช่วยเหลือผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดทางการเมือง บางคน และบางกลุ่มที่กำลังถูกดำเนินคดีอยู่ให้พ้นผิดไปโดยผลของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แบบไม่ต้องต่อสู้ใดๆ ทางระบบศาลเลย
ในประการสุดท้าย "จิตเคารพ" ซึ่งน่าจะสอดคล้องกับความเป็นประชาธิปไตย เพราะเป็นการยอมรับความแตกต่างในความหลากหลายทางความคิด แต่ดูเหมือนชนชั้นนำในขณะนี้น่าจะขาดจิตประการนี้ไป หรือไม่ก็มีน้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากทีท่าและการปฏิบัติการของชนชั้นผู้นำที่ปรากฏทางรายการ สนทนาประสาสมัครเมื่อวันเสาร์ก่อนหน้าโน้น ว่า จะสลายม็อบประชาชนอย่างเด็ดขาด รวมไปถึงปฏิบัติการจับอธิบดีกรมดีเอสไอ เมื่อเร็วๆ นี้ ก็น่าเชื่อว่าคงหาจิตเคารพไม่ได้แน่ เพราะท่าทีการแสดงออกที่ปรากฏให้เห็น ให้ได้ยินนั้นมันดูเหมือนเป็น "จิตสังหาร" มากกว่า
ที่มา : www.bangkokbiznews.com