เรื่องที่เข้าใจผิดในการใช้สิทธิ “ลดหย่อนภาษี”

เรื่องที่เข้าใจผิดในการใช้สิทธิ “ลดหย่อนภาษี”



หลังจากที่เราทราบกันแล้วนะครับว่า เรามีสิทธิประโยชน์ ในการลดหย่อนภาษีได้อย่างไรบ้าง หากยังไม่ทราบอย่าลืม “เช็คสิทธิ ! ค่าลดหย่อนภาษีของคุณว่ามีอะไรบ้าง” กันด้วยนะครับ

บทความนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องที่มักเข้าใจผิดบ่อยเกี่ยวกับการใช้สิทธิ “ลดหย่อนภาษี” กันครับ

หลายคนเข้าใจผิดว่าค่าลดหย่อนเมื่อจ่ายไปแล้วจะเสียภาษีน้อยลงตามจำนวนที่จ่ายไป

เช่น ใช้สิทธิลดหย่อน ฿1,000 แล้วจะได้เสียภาษีถูกลง ฿1,000 เลย ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เพราะจะเสียภาษีน้อยลงหรือได้เงินคืนภาษีเพิ่มมากขึ้นอยู่กับจำนวน เงินได้ และ อัตราภาษี ของแต่ละคนด้วย

หลายคนมักเข้าใจผิดว่าค่าลดหย่อนภาษี

คือ เงินคืนภาษีที่จะได้รับเลย ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เพราะแม้ค่าลดหย่อนภาษีจะช่วยประหยัดภาษีได้จริง แต่จะได้เงินคืนภาษีมากหรือน้อยเท่าไหร่นั้นจะขึ้นอยู่กับจำนวนรายได้และอัตราภาษีของแต่ละคนด้วย เช่น ถ้ามีเงินได้สุทธิเกิน 5 ล้านบาทต่อปี จะเสียภาษีในอัตรา 35% แสดงว่าถ้าได้รับค่าลดหย่อน ฿1,000 จะประหยัดภาษีเพิ่มได้ ฿350 แต่ถ้ามีเงินได้สุทธิไม่เกิน ฿150,000 จะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี แบบนี้ต่อให้ได้รับค่าลดหย่อน ฿1,000 ก็ไม่ช่วยให้ประหยัดภาษีเพิ่มแต่อย่างใด เพราะไม่ได้เสียภาษีแต่แรกอยู่แล้ว

หลายคนมักเข้าใจผิดว่า สิทธิประโยชน์ภาษีจำนวน

฿190,000 ของผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไปหรือผู้พิการนั้นเป็น "ค่าลดหย่อน" แต่ความจริงแล้วกฎหมายระบุ ว่าสิทธิประโยชน์ดังกล่าวเป็นการยกเว้นรายได้ให้ผู้มีเงินได้อายุ 65 ปีหรือผู้พิการสำหรับรายได้ ฿190,000 แรก ดังนั้น สิทธิประโยชน์นี้จึงควรเรียกว่า "เงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษี" มากกว่า

หลายคนสับสนระหว่างคำว่า ค่าใช้จ่าย และ ค่าลดหย่อน ว่าเป็นคำเดียวกัน

แต่ความจริงแล้วสองคำนี้มีความหมายต่างกัน กล่าวคือ ค่าใช้จ่ายคือสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่กฎหมายมอบให้โดยขึ้นอยู่กับประเภทของ เงินได้ ที่คุณได้รับ เช่น มีรายได้จากงานประจำจะหักค่าใช้จ่ายได้แบบนึง แต่ถ้ามีรายได้จากดอกเบี้ยจะหักค่าใช้จ่ายไม่ได้เลย ในขณะที่ ค่าลดหย่อน คือ สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่กฎหมายมอบให้ โดยขึ้นอยู่กับสถานภาพและภาระของตัวผู้เสียภาษีคนนั้นๆ เช่น มีภาระดูแลพ่อแม่ มีภาระจ่ายดอกเบี้ยซื้อที่อยู่อาศัยหรือจ่ายเบี้ยประกันชีวิต เป็นต้น
 
      แต่อย่าลืมครับ สิ่งสำคัญที่ควรจะพิจารณาในการวางแผนประชากรและจัดเก็บภาษีสำหรับอนาคตก็คือ การพัฒนาการวางแผนการเงินอย่างบูรณาการและยั่งยืนของประชาชนในประเทศ ซึ่งภาครัฐสามารถเตรียมความพร้อมของคนที่กำลังจะเกษียณ ให้รู้จักการออมสำหรับยามเกษียณได้ วิธีการนี้จึงน่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้ดีที่สุด
      หากภาครัฐทำให้ประชาชนมีแรงจูงใจในการออมเงินกันมากขึ้น แค่เพียงประชาชนมีการวางแผนทางการเงินที่ดีพอ ไม่ต้องรอพึ่งพิงสวัสดิการจากรัฐเมื่อยามเกษียณ เพราะอนาคตมันไม่แน่นอน จริงไหมครับ? สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับ การลดหย่อนภาษีอื่นๆได้ที่นี้

ที่มา : actuarialbiz.com
 863
ผู้เข้าชม
ทำเว็บธุรกิจ ทําเว็บขายของ ออกแบบเว็บไซต์ เว็บไซต์สำเร็จรูป SoGoodWeb

HR Articles

ใกล้สิ้นปีแล้วรื่องการประเมินผลการทำงานของพนักงานว่า บริษัทต่าง ๆ ในโลกตอนนี้เขาทำอย่างไรกันบ้าง อะไรเป็นเทรนด์ยอดฮิต แนวโน้มตอนนี้จะมีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากจากระบบการประเมินแบบปัจจุบันคือ การให้คะแนนตาม KPIs และไปลิงก์กับการให้โบนัส ขึ้นเงินเดือนอย่างไร
3029 ผู้เข้าชม
หลักการในการลดหย่อนภาษีคือการนำค่าใช้จ่าย หรือภาระที่มีมาใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้ หากใครมีภาระหนัก มีภาระต้องใช้จ่ายมาก ก็สามารถนำค่าใช้จ่ายส่วนนั้นมาหักลดได้ เช่น ค่าเลี้ยงดูตนเอง พ่อแม่ และลูก ค่าดอกเบี้ยผ่อนบ้าน ค่าการศึกษาของลูก เป็นต้น สำหรับการทำประกันชีวิตก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่นิยมใช้กันมาก กระนั้นก็ตาม หลายคนก็ยังอาจสงสัยว่าทำไมเบี้ยประกันชีวิตถึงนำมาลดหย่อนภาษีได้ และประกันชีวิตที่มีอยู่หลากหลายรูปแบบนั้น ประเภทใดบ้างที่เราสามารถยื่นลดหย่อนภาษีได้และได้เท่าไร
989 ผู้เข้าชม
“ภาษี” อาจเป็นเรื่องที่มนุษย์เงินเดือนหลายคนคิดว่ายุ่งยากและน่าปวดหัวที่สุด โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ที่เพิ่งเริ่มก้าวแรกของชีวิตการทำงานและยังไม่เคยมีประสบการณ์การยื่นแบบเพื่อจ่ายภาษีประจำปีมาก่อน คุณอาจมีคำถามและข้อสงสัยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนของเราต้องจ่ายภาษีมั้ย? จ่ายภาษีอย่างไร? แล้วเงินภาษีส่วนเกินที่จ่ายไปนั้นจะได้คืนหรือเปล่า?
4252 ผู้เข้าชม
เอสซีจี ให้ความสำคัญกับพนักงานเป็นอย่างมาก เนื่องจากตระหนักอยู่เสมอว่าพนักงานเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กร โดยการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารทรัพยากรบุคคลของบริษัทปูนซีเมนต์ไทย เริ่มตั้งแต่การสรรหาผู้ที่เป็นคนเก่งและดีเข้ามาร่วมงาน โดยจัดโครงการ “Drawing Your Career with SCG Career Camp” เพื่อจูงใจผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำของประเทศไทยให้มาทำงานกับบริษัท ซึ่งถือว่าเป็นการสรรหาบุคลากรในเชิงรุก นอกจากนี้ยังมีโครงการ “Top Ten University Recruitment” เพื่อสรรหาผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยท็อป 10 ในสหรัฐอเมริกาหรือมหาวิทยาลัยชั้นนำในยุโรปอีกด้วย การพัฒนาบุคลากรของเอสซีจีจะดำเนินการโดยการให้ทุนการศึกษาและการอบรม โดยการอบรมนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ Business Knowledge และ Leadership Skills ซึ่งทางเอสซีจีได้จัดสรรงบประมาณสำหรับการฝึกอบรมคิดเป็นร้อยละ 0.19 ของรายได้ของบริษัทในปี 2550 สำหรับผู้ที่ผ่านหลักสูตรทั้งหมดแล้วและได้ขึ้นเป็นผู้บริหาร ทางเอสซีจีได้จัดหลักสูตรอบรมเพิ่มเติมได้แก่ Advance Management Program (AMP) และ Executive Development Program (EDP) โดยหลักสูตรแรกเอสซีจีร่วมมือกับ ฮาวาร์ด บิสสิเนสท สคูล และวาร์ตัน บิสสิเนส สคูล ส่วนหลักสูตร EDP ร่วมมือกับ โคลัมเบีย บิสสิเนส สคูล ซึ่งค่าใช้จ่ายสำหรับฝึกอบรมผู้บริหารนี้จะแยกอิสระออกจากงบพัฒนาบุคคลหลัก
27569 ผู้เข้าชม
Get started for free today. DEMO FREE 60 DAYS
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์